My Precious รักแรก โคตรลืมยาก (2566/2023) เรื่องราวความรักของ "ต๋อง" (นนน-กรภัทร์ เกิดพันธุ์) เด็กผู้ชายในวัย 16 หัวโจกของแก๊งสุดห่ามประจําโรงเรียน และแก๊งเพื่อนอย่าง "โด่ง" (โอม-ภวัต จิตต์สว่างดี), "แบงค์" (ชิม่อน-วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์), "ไม้" (นีโอ-ตรัย นิ่มทวัฒน์) และ "เปา" (ยูโร-ธนเศรษฐ์ สุริยะพรชัยกุล) ที่มักจะก่อวีรกรรมสุดป่วนสร้างความปวดหัวให้กับเหล่าครูในโรงเรียนอยู่เสมอ แต่แล้ววันหนึ่ง "ต๋อง" และเพื่อน ๆ เกิดนึกสนุกเล่นพิเรนทร์กลางห้องเรียน จนทําให้ "ต๋อง" ถูกทําโทษด้วยการย้ายมานั่งอยู่หน้า "หลิน" (ฟิล์ม-รชานันท์ มหาวรรณ์) นักเรียนดีเด่นประจําโรงเรียนที่ทั้งน่ารักและเรียนเก่ง แถมยังเป็นคนที่เหล่าเพื่อน ๆ ในแก๊งของต๋องแอบชอบอีกด้วย มีเพียง "ต๋อง" ที่ไม่ได้ชอบ "หลิน" เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ 'โคตรเจ๋ง' เกินกว่าจะชอบใคร แต่สุดท้ายด้วยความใกล้ชิดเพราะต้องติวหนังสือให้กันก็เกิดเป็นความรู้สึกดี ๆ ที่พวกเขาเรียกมันว่า "รักแรก" และต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน "รักแรก" ก็ยังคงเป็นคนที่เราไม่มีวันลืมอยู่ดี
เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ (2558/2015) ป๋อง (ธิติ มหาโยธารักษ์) เด็กหนุ่มนักเรียนชั้นม.5 แบ่งนักเรียนในโรงเรียนในระดับฐานันดรต่างๆ คือ คนทั่วไป, อันธพาล, เด็กเนิร์ด, นักกีฬา, คนหน้าตาดี, และนักกิจกรรมตัวท็อป โดยจัดตัวเองเป็นอยู่ในกลุ่มไร้ตัวตน ไม่มีคนสนใจ แต่ป๋องก็มีความในใจคือแอบชอบมิ้ง (นรีกุล เกตุประภากร) นักกิจกรรมตัวท็อป เธอยังเป็นว่าที่ประธานสีคนต่อไป ทั้งที่เธอไม่เคยเหลียวป๋องเลย จนวันนึงป๋องได้รู้จักกับเมย์ไหน (สุทัตตา อุดมศิลป์) ผู้หญิงเก็บตัว ไม่เข้าสังคม และเป็นกลุ่มคนประเภทไร้ตัวตนเฉกเช่นเดียวกับตัวป๋องเอง ป๋องเองรู้ความลับของเมย์ไหนว่าเธอแอบชอบพี่เฟม (ธนภพ ลีรัตนขจร) เป็นนักกีฬาประจำโรงเรียน ประธานสี ป๋องยังทราบว่าเมย์ไหนเลือกที่จะไร้ตัวตนเพราะเธออยู่กับใครไม่ค่อยได้ ร่างกายของเธอจะปล่อยกระแสไฟฟ้าเมื่อเธอ ตื่นเต้น หรือตกใจ ทังสองจึงตกลงเป็นเพื่อนและเก็บความลับของกันและกัน ค่อยๆ สนิทกัน และช่วยกันจีบมิ้ง
ห่วยขั้นเทพ Suck Seed!! ชีวิตมันต้องลองซักซี้ดนึง!! (2554/2011) เป็ด (จิรายุ ละอองมณี) เด็กประถมสุดเห่ย ที่ไม่เคยฟังเพลง นอกจากจะไม่ชอบฟังเพลงและยังเข้าใจเอาเองผิด ๆ ว่า เพลงเร็วเรียกเพลงร็อค เพลงช้าเรียกเพลงรัก ส่วนเพลงไทยนั้นก็มีแค่สองประเภทคือ เพลง แกรมมี่ และ อาร์เอส เป็ด หัดเล่นดนตรีเพียงเพราะแอบหลงรัก เอิญ (ณัฐชา นวลแจ่ม) เพื่อนร่วมห้องได้ทำให้เขารู้จักกับเพลง และความรัก เอิญ สอน เป็ด ว่าเวลาเราฟังเพลงก็จะเหมือนมีเพื่อนมาอยู่ข้าง ๆ เป็ด เลยอยากเป็นคนข้าง ๆ เอิญ บ้าง ยิ่งรู้ว่า เอิญ เป็นสาวหูเหล็ก เป็นสาวกเพลงร็อคที่คลั่งไคล้กีตาร์ฮีโร่เป็นชีวิตจิตใจ เป็ด จึงเกิดแรงฮึดที่จะผันตัวเองจากไอ้แหยขี้อายให้กลายเป็น ร็อคเกอร์ แต่รักครั้งแรกก็ต้องแตกสลาย เมื่อเธอต้องย้ายไปไกลแสนไกล เวลาผ่านไปไวถึง ม.6 เอิญ ก็กลับมาพร้อมกับความน่ารักและฝีมือกีตาร์ขั้นเทพ เป็ด ที่ยังเห่ยเหมือนเดิมจึงจับมือกับ คุ้ง (พชร จิราธิวัฒน์) มือกีตาร์ของวงนั้นมีบ้านเป็นโรงรับจำนำซึ่งเปรียบเสมือนดีสนีย์แลนด์ของเพื่อน ๆ ของเก่าของคนอื่นจะกลายมาเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของ คุ้ง เสมอ ตั้งแต่ประถมยันมัธยมคุ้งคือผู้นำเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเกมส์แฟมิคอม โรลเลอร์เบลด ตู้สติ๊กเกอร์ เกมเต้น โฟโต้ฮันท์ คุ้ง เป็นต้องได้ประเดิมเป็นคนแรก เป็นเพื่อนสนิทสุดเกรียนที่วัน ๆ คิดแต่จะหม้อหญิง พ่วงด้วย เอ็กซ์ (ธวัช พรรัตนประเสิรฐ) มือกลองบ้าพลังที่อยากสอยดาวโรงเรียนที่แอบชอบอยู่ รวมกันเป็นสามตัวห่วย ตั้งวงเพื่อจีบสาวสวย คุ้ง อาจจะมีชะตากรรมเป็นถึงไอดอลของโรงเรียน ถ้าจะไม่มีกรรมมาบังให้คุ้งดันมีฝาแฝดชื่อ เค น้องชายที่ทั้งเรียนเก่งกว่า ที่สำคัญเคยังเป็นมือกีตาร์ของวงโรงเรียนที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเข้าประกวด Hot Wave Music Award ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความฮ็อตของ เค จะทำให้ คุ้ง กลายเป็นแค่ฝาแฝด เค ในสายตาของทุกคน ในปีสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลาย เมื่อวงของ เค ลงสมัคร Hot Wave โดยมี เอิญ เข้าร่วมในฐานะนักร้องนำ เป็ด และ คุ้ง จึงจับมือกันปฏิวัติตัวเองฟอร์มวง SuckSeed ขึ้นมา หาญกล้าท้าแข่งเพื่อพิสูจน์ให้คนที่พวกเขาทั้งรักทั้งอยากเอาชนะได้เห็นว่า พวกเขาไม่ใช่แค่ "ตัวห่วย" อย่างที่ใคร ๆ คิด
สิ่งเล็กเล็ก ที่เรียกว่า..รัก (2553/2010) น้ำ (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) สาวน้อย ม.1 วัย 14 หน้าตาธรรมดา ๆ กระเดียดไปทางไม่สวย หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ขี้เหร่นั่นแหละ แต่เธอดันไปแอบชอบ พี่โชน (มาริโอ้ เมาเร่อ) พี่ม.4 ที่หล่อ เท่ ที่สุดในโรงเรียน แล้วแถมยังใจดีอีกตะหาก ทำให้น้ำมีคู่แข่งเป็นสาว ๆ ทั้ง ม.ต้น และ ม.ปลาย ที่มีแต่คนสวย ๆ เต็มไปหมด แต่น้ำไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เธอพยายามลุยทำทุกอย่าง สู้ทุกรูปแบบเพื่อที่จะเก่งและสวย แล้วเด่นขึ้นในโรงเรียนให้ได้ เพราะแอบหวังในใจเล็ก ๆ ว่าถ้าทำสำเร็จพี่โชนอาจจะหันมามองเธอซักครั้ง น้ำ ทำตั้งแต่เอามะขามเปียกมาขัดผิว สมัครเป็นนางรำแม้จะถูกคัดออก หัดเป่าคาริเน็ตแล้วสมัครเข้าวงโยธวาทิตเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ พี่โชน ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อน ๆ แก๊งหน้าแย่ ในที่สุด น้ำ ก็ได้เป็นดรัมเมเยอร์มือหนึ่งของโรงเรียน จนตอนที่เรียนอยู่ ม.3 เธอได้เป็นดาวของโรงเรียน จริง ๆ! น้ำ ตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่ม ๆ ทั้งโรงเรียน มีคนเข้ามาจีบเป็นสิบ ๆ คน ยกเว้นคนที่เธอรอคอยอยู่คนเดียว โชน แล้วเรื่องราวความรักของ น้ำ จะเป็นอย่างไร โชน จะหันมาสนใจเธอมั้ย สุดท้ายแล้วความรัก ความฝัน กับความเป็นจริง จะได้พบกันเมื่อไหร่ เวลาคงเป็นคำตอบของทุกอย่างเอง
ครูบ้านนอก บ้านหนองฮีใหญ่ (2553/2010) “ความใฝ่ฝันของผมนั่นเหรอ ผมไม่ใฝ่ฝันที่จะเป็นเพียงเรือจ้าง ที่เขาเปรียบครูไว้เช่นนี้หรอก ลองคิดดูซิว่า ขณะที่เรากำลังแจวเรือ แล้วมีคนอื่นอีกมาก ใกล้จะจมน้ำตาย แล้วเราจะไม่จอดแวะรับเขาขึ้นมาด้วยกันกับเราเหรอ เราจะเอาเพียงเด็กนักเรียนขึ้นฝั่งเท่านั้น เท่านี้เหรอ สำหรับเกียรติของครู ความใฝ่ฝันของผมก็คือ ผมจะไม่เป็นเพียงเรือจ้างสำหรับเด็กนักเรียนเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ ผมจะเป็นเรือที่จะรับส่งและช่วยเหลือคนที่จะจมน้ำตายทุกคน” เรื่องเล่าที่ไม่มีวันตายของครูผู้มีอุดมการณ์และความปรารถนาจะเป็นยิ่งกว่า “ครู” เรื่องราวของความทรงจำอันยากจะลืมเลือนของครูบ้านนอกเกิดขึ้นเมื่อ “พิเชษฐ์” (พิเชษฐ์ กองการ) สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยครูพระนคร พิเชษฐ์เลือกมาบรรจุเป็นครูที่ “โรงเรียนบ้านหนองฮีใหญ่” ซึ่งอยู่ในชนบทอันห่างไกลที่มีแต่ความทุรกันดาร โดยมี “ครูใหญ่ชาลี” (หม่ำ จ๊กม๊ก) เป็นครูสอนนักเรียนเพียงลำพังของโรงเรียน ต่อมาได้มีครูมาสมทบเพิ่มอีก 2 คนคือ “ครูสมชาติ” (อสงไขย ผาธรรม) ที่จำใจมาเป็นครูเพราะหางานทำในเมืองไม่ได้ และ “ครูแสงดาว” (ฟ้อนฟ้า ผาธรรม) ที่มาเป็นครูอยู่ที่หนองฮีใหญ่เพื่อรอจังหวะโยกย้ายเข้าไปเป็นครูในตัวเมือง ตลอดระยะเวลาที่มาเป็นครูอยู่ที่หมู่บ้านหนองฮีใหญ่ ครูพิเชษฐ์ได้อุทิศทั้งกายและใจในการพัฒนาการเรียนการสอน และชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กนักเรียนทุกคนจนกลายเป็นที่รักของเด็กนักเรียน คุณครู และผู้คนในหมู่บ้าน อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้ครูในโรงเรียนบ้านหนองฮีใหญ่ ทั้งครูใหญ่ชาลี, ครูสมชาติ และครูแสงดาว ได้รู้ซึ้งถึงเกียรติยศของคำว่า “ครู” แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อครูพิเชษฐ์ได้เข้าไปเปิดโปงขบวนการผิดกฎหมายของผู้มีอิทธิพลในท้องที่ จนถูกมือปืนตามล่า เป็นเหตุให้ครูพิเชษฐ์ต้องพักการสอนและหนีออกจากหมู่บ้านไปซ่อนตัวซักระยะ แต่ด้วยวิญญาณความเป็นครู ทำให้ครูพิเชษฐ์หวนกลับมาสอนหนังสือเด็กที่โรงเรียนอีกครั้ง จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทุกคนแห่งบ้านหนองฮีใหญ่จะจดจำไปอีกตราบนานเท่านาน…
Final Score 365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์ (2550/2007) เรื่องราวการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ของเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 4 คน ในช่วงปีการศึกษา พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นปีแรกที่ใช้การสอบแอดมิดชันส์ แทนการสอบเอ็นทรานซ์ และชีวิตที่ถูกฟันธงของเด็ก ปี 2549 ปีนี้ไม่เหมือนปีไหน ๆ เพราะมันเป็นปีที่ปฏิทินการเมืองร้อนระอุด้วยม็อบกู้ชาติ ปีที่ใคร ๆ ก็ถามไถ่ "ไปพารากอนมารึยัง?" ปีที่ขวัญและกำลังใจของนักเรียน ม.6 แหลกสลาย เมื่อพระพรหมเอราวัณถูกทุบทำลาย ที่สำคัญมันเป็นปีแรกของการประกาศใช้ระบบแอดมิชชั่นส์ ปีนี้... วัยรุ่นไทยวัย 17 ที่อยากเอ็นทรานซ์ต้องสอบ โอเน็ต-เอเน็ต สดจากโรงเรียน กองถ่ายภาพยนตร์สุดอึดจาก GTH ทุ่มเทเวลา 1 ปีเต็มเฝ้าติดตามชีวิตของนักเรียน ม.6 จำนวน 4 คนในปีที่พวกเขาก้าวเข้าสู่สนามการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต โดยไม่รู้ว่าพระเจ้าจะดลบันดาลใจให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย (2549/2006) หลังจากจบมัธยมต้นแล้ว ป้อม ตัดสินใจสมัครเข้าเรียนมัธยมปลาย ที่ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาเตรียมดนตรี เพราะต้องการอยู่ใกล้กับ ดาว เด็กสาวจากโรงเรียนเดียวกัน ที่เขาแอบหลงรัก ในขณะที่พ่อของป้อมเข้าใจว่า ลูกชายเรียนสาขาเตรียมแพทยศาสตร์ โดยที่ป้อมเองก็ไม่กล้าบอกความจริง เนื่องจากพ่อของป้อมเห็นว่า ดนตรีเป็นวิชาชีพที่ไม่มั่นคง ขณะเดียวกัน ป้อมก็ได้พบกับ อ้อม ลูกสาวของเพื่อนพ่อ ที่ถึงแม้ด้านปฏิบัติจะไม่เอาไหน แต่ความรู้ด้านทฤษฏีดนตรีเป็นเลิศ และสอบเข้าที่วิทยาลัยฯ เช่นกัน เมื่อทราบเรื่อง อ้อมก็เข้าใจว่า ป้อมรักดนตรีเหมือนกัน จึงสัญญาจะช่วยป้อมเก็บความลับ ถึงแม้จะตามผู้หญิงที่แอบรักมาเรียน แต่ป้อมกลับค้นพบว่า ตัวเขามีพรสวรรค์ในการตีกลองชุดที่เป็นเลิศ ทำให้ เฉด และ ฉัตร สองหนุ่ม ผู้กำลังมองหามือกลอง ให้กับวงดนตรีของตัวเอง เลือกป้อมเข้าร่วมวง เพื่อเข้าประกวด การแข่งขันวงดนตรี ฮอทเวฟมิวสิคอวอร์ด โดยตั้งชื่อวงว่า Ass-Ho-Le (แอสโฮลี่) นอกจากนี้ ฝีมือการตีกลองของป้อม ยังไปเข้าตา จิทาโร่ อาจารย์ชาวญี่ปุ่น ผู้สอนเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ (เพอร์คัชชัน) อาจารย์จิทาโร่ จึงมักจะเรียกใช้ป้อม ให้มาช่วยทำวิทยานิพนธ์ของเขาอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ป้อมกลับเลือกสมัครเป็นมือกลองทิมปะนี ในวงออร์เคสตราของโรงเรียนแทน เพราะต้องการอยู่ใกล้ชิดดาว ซึ่งเป็นมือไวโอลินของวง ส่วนอ้อม ซึ่งเคยเป็นมือไวโอลินเช่นกัน ต้องเปลี่ยนไปเล่นฉาบแทน เนื่องจาก ฝีมือการเล่นเครื่องดนตรีอื่นไม่เอาไหนจริงๆ เนื่องจาก วงออร์เคสตรา ใช้การเคาะจังหวะด้วยกลองไม่มาก ป้อมจึงต้องรออย่างเบื่อหน่าย กว่าจะถึงช่วงเล่นของตนแต่ละครั้ง ต่างกับอ้อม ที่มีความสุขกับดนตรี แม้ทั้งเพลงจะได้เล่นน้อยมาก ป้อมจึงเริ่มนึกถึงความรู้สึกของตนเอง ที่เปลี่ยนแปลงไปมาอยู่เสมอ ทั้งเรื่องดนตรี การเรียน ความรัก และชีวิตของตนในอนาคต ราวกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย
มอ๘ (2549/2006) เมื่อนักเรียนชายสุดทะโมนกระโจนมาเรียนรวมกับนักเรียนหญิงสุดเรียบร้อย ก่อให้เกิด “โรงเรียนสหศึกษาแห่งแรก” ในเมืองไทย แต่ความรักแบบปั๊ปปี้เลิฟกลับถูกปิดกั้นจาก “ครูสมปัติ” สุดเฮี้ยบ นักเรียนชายหญิงจะหาทางออกของมิตรภาพความรักได้อย่างไร… ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2500 การศึกษาของไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีการจัดตั้ง “โรงเรียนสหศึกษาแห่งแรก” โดยโรงเรียนหญิงที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนนำร่องคือ “โรงเรียนดรุณีศึกษา” โรงเรียนสตรีที่ชนะเลิศรางวัล “โรงเรียนสตรีดีเด่น“ ติดต่อกันมาถึง 25 ปี ส่วนโรงเรียนชายที่ได้รับเลือกคือ “โรงเรียนอักษรศิลป์” โรงเรียนที่ได้ชื่อว่า “เรียนดี กีฬาเด่น“ “ครูบุญรอด” ครูใหญ่โรงเรียนดรุณีศึกษามอบหมายให้ “ครูสมปัติ” ครูสาวจอมเฮี้ยบและ “ครูเกษร” ครูสาวเรียบร้อยแสนหวานสองศิษย์คนโปรดเป็นผู้คัดเลือกและควบคุมนักเรียนหญิง 15 คนที่ดีที่สุดในโรงเรียนทั้งด้านการเรียนและความเป็นกุลสตรีงามทั้งกายงามทั้งมารยาทเพื่อเข้าร่วมโครงการนี้ โดยให้ครูสมปัติไปเป็นครูประจำชั้น ส่วนครูเกษรให้ไปดูแลเรื่องมารยาท ก่อนไปครูบุญรอดอบรมและย้ำเน้นเรื่องความเป็นกุลสตรีและความมีคุณค่าของผู้หญิง อย่าให้เสียชื่อโรงเรียนที่สร้างสมมายาวนาน ครูสมปัติยืนยันหนักแน่นถึงความมั่นใจกับนักเรียนหญิงที่คัดเลือกเอาไว้และเรียกกลุ่มนี้ว่า “ดอกไม้เหล็ก“ ด้วยความแตกต่างกันระหว่างชายหญิงครูสมปัติต้องเจอเรื่องห่ามๆ ซนๆ ของบรรดานักเรียนชายโรงเรียนอักษรศิลป์ ส่วนครูเกษรและนักเรียนสาวทั้ง 15 คนต้องเจอกับการจีบทุกรูปแบบจากเด็กผู้ชายและครูหนุ่มของโรงเรียนอักษรศิลป์เหตุการณ์วุ่นวายแต่น่ารักๆ ภายในโรงเรียนเกิดขึ้นพร้อมความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างนักเรียนหญิงและนักเรียนชายภายใต้กฎระเบียบที่ครูสมปัติวางไว้อย่างเคร่งครัด ทุกอย่างกำลังไปด้วยดีจนกระทั่งนักเรียนชายไปมีเรื่องชกต่อยในงานก่อเจดีย์ทรายโดยครูชายประจำโรงเรียนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ กระทรวงศึกษาธิการทราบเรื่อง “คุณหญิงกุหลาบ” จึงแต่งตั้งครูสมปัติขึ้นทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปกครองของโรงเรียนอักษรศิลป์โดยมีกฎข้อแรกคือ ห้ามนักเรียนมีเรื่องชกต่อยและห้ามมีความรักในโรงเรียนเด็ดขาด เพราะครูสมปัติเห็นว่าความรักในวัยเรียนถ้ามีมากไปเราจะควบคุมกันไม่ได้…
เกิร์ลเฟรนด์ 14 ใสกำลังเหมาะ (2545)

เรื่องย่อ : เกิร์ลเฟรนด์ 14 ใสกำลังเหมาะ (2545/2002) บี (ณัฐวรา หงษ์สุวรรณ), ตุ้ม (ปาริชาต แก้วกำพล), นุ้ย (ชโลธร บริราช), ติ๋ม (จีระนันท์ กิจประสาน) สี่สาววัยใสเพื่อนซี้ ทั้งหมดกำลังเรียนอยู่ในชั้น ม.3 โรงเรียนผู้หญิงล้วน มีชีวิตอย่างสนุกสนาน และน่ารักตามวัย เด็กสาววัยใสทั้งสี่มาจากครอบครัวที่แตกต่างกัน พ่อของบี (ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว) เป็นนักเขียน เจ้าของนิยาย ขายดีเรื่อง "ความรักของพ่อนกเงือก" ที่บรรยายถึงความสำคัญของพ่อนกเงือกต่อคู่ชีวิต และลูกที่เพิ่งฟักออกจากไข่ ส่วนแม่ของบีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุบนถนน ตุ้มเป็นลูกสาวของนายแพทย์ตำรวจ (ณรงค์ ลัมะกานนท์) นุ้ยอยู่กับแม่ (ริสา หงษ์หิรัญ) ที่มีอุปนิสัยห้าวพอกัน เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ส่วนติ๋มเป็นลูกสาวของนายธนาคารใหญ่ (ศรัณยู วงศ์กระจ่าง) ที่กำลังมีปัญหาเรื่องทุจริตในสถาบันการเงิน อันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ วันหนึ่ง ขณะที่ทั้งสี่ไปเดินเที่ยวตามศูนย์การค้า นุ้ยถูกรปภ.จับหาว่าขโมยของ ตุ้ม ติ๋ม บีพยายามเข้าไปช่วย แต่พลาดท่ารปภ.ตัวร้าย แต่โชคยังเข้าข้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาจับ หัวหน้ารปภ.ตัวร้ายได้ทัน การผจญภัยครั้งนั้นส่งผลอย่างมากต่อตุ้ม จากเด็กห้าวท่าทางเหมือนทอมบอย ตุ้มเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่กลายเป็นสาวสวย สร้างความประหลาดใจให้กับหมู่เพื่อนๆ ตุ้มชวนเพื่อนไปเรียนกวดวิชา เตรียมตัวสอบเข้าเรียน ม.4 ทุกคนเห็นด้วย ยกเว้นบี ที่ไม่อยากเรียนสัปดาห์ละ 7 วัน และนี่คือจุดสำคัญ ที่พลิกผันความผูกพันของกลุ่มเพื่อนทั้งสี่ ที่โรงเรียนกวดวิชานี่เอง ตุ้มรู้จักกับเด็กหนุ่มวัยเดียวกันชื่อ แดง (ชาญนนท์ คล่องสุดใจ) หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ของกลุ่มเริ่มเปลี่ยนแปลง ตุ้มทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับแฟนหนุ่ม จนไม่เหลือสำหรับเพื่อนๆ ในกลุ่ม สร้างความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมากกับบี ซึ่งถือว่าสนิทกับตุ้มที่สุด... ในบรรดากลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มที่เหนียวแน่นมาตลอด เริ่มสำแดงความแตกร้าว ตุ้มตีจากไป ตามด้วยบีซึ่งผิดหวังกับเพื่อนสนิท ความผิดหวังทำให้บีตัดสินใจหนีความเบื่อหน่าย ด้วยการพยายามสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งก็ทำให้เธอต้องตีจากกลุ่มกลายๆ นุ้ยก็มีปัญหาความขัดแย้งกับตุ้ม ด้วยความเข้าใจผิดของฝ่ายหลัง ตุ้มคิดว่านุ้ยคิดจะแย่งแฟนตัวเอง เมื่อรอยร้าวในกลุ่มแผ่ขยายกว้าง จนทำท่าว่าความสัมพันธ์อันแนบแน่นมาถึงจุดอวสาน ทำให้ติ๋มที่แต่ไหนแต่ไร ไม่เคยลุกขึ้นมาพูดแสดงความต้องการของตัวเอง ไม่เคยขัดใจเพื่อน ต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่เป็นเสมือนกาวใจ หาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อคงรักษาไว้ซึ่งมิตรภาพ และความรักอันบริสุทธิ์ ที่แต่ละคนเคยให้กันและกัน ความรัก การเสียสละ และการให้อภัย คือทางออกทางเดียวสำหรับพวกเธอ

ม.6/2 ห้องครูวารี เทอม 2 (2539)

ม. 6/2 ห้องครูวารีเทอม 2 (2539/1996) วารียังเป็นครูฝึกสอนห้อง ม.6/2 นักเรียนทุกคนกำลังจะสอบเพื่อสำเร็จการศึกษา และมีความฝํนในอนาคต ชีวิน สันต์ เอก และเพื่อนๆ พาสาวๆไปเที่ยว ถูกอาร์มก่อกวน และมีนักเลงอยู่แถวนั้นเกิดเข้าใจผิดจึงตีกัน สันต์ถูกตีเขาที่ลูกตาจึงถูกส่งโรงบาล หมอต้องผ่าตัดแต่แม่ของสันต์ไม่มีเงิน หวาน แจน นุช จึงไปขอร้องให้อาจารย์ใหญ่ช่วย เพราะสันต์เป็นนักกีฬามวยประจำโรงเรียนที่สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนเสมอ ทุกคนจึงช่วยกันจัดงานเพื่อเอาเงินมาช่วยสันต์ อาร์มมาขอโทษและขอร่วมงานด้วย เอกไปเล่นละคอนแต่ไม่บอกทุกคนและไม่ได้ไปช่วยงาน ทำให้เพื่อนๆโกรธเอก งานสำเร็จไปด้วยดี เอกนำเงินจากการเล่นละคอนมาช่วยสันต์ ทุกคนจึงเข้าใจในตัวเอก สันตืขอบใจเพื่อนๆ ที่ช่วยเขาให้ได้เงินรักษาตา มิตรภาพ มิตรภาพระหว่างเพื่อนจึงเหมือนเดิม ทุกคนตั้งใจเรียน และสอบไล่เพื่อเตรียมตัวพบความสมหวังในชีวิตต่อไป

ในห้องเรียน ม.6/2 ยังมีครูวารีเป็นครูประจำชั้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมิตรภาพของนักเรียนในห้องที่แน่นแฟ้นกันมาก ทั้งหมดเข้าใกล้ช่วงการสอบก่อนสำเร็จการศึกษาทว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นเมื่อ "สันต์" เพื่อนในกลุ่มเกิดเหตุทะเลาะวิวาทจนบาดเจ็บที่ดวงตาต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน ทว่าฐานะทางบ้านของสันต์นั้นยากจน เหล่าเพื่อนๆจึงพยายามหาเงินมาช่วยด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้เพื่อนได้หายจากการบาดเจ็บและจบการศึกษาไปพร้อมกัน

แบบว่าโลกนี้...มีแต่น้ำเต้าหู้และครูระเบียบ (2537)

เรื่องย่อ : แบบว่าโลกนี้...มีแต่น้ำเต้าหู้และครูระเบียบ (2537/1994) สาลี่ (สุวนันท์ คงยิ่ง) เด็กสาวชั้นมัธยมปลายเพิ่งย้ายโรงเรียนเข้ามาใหม่ และกลุ่มเพื่อนผู้คลั่งน้ำเต้าหู้ เข้าร่วมทีมวอลเลย์บอลหญิงประจำโรงเรียน โดยมี กานต์ (ศรราม เทพพิทักษ์) ประธานนักเรียนเป็นโค้ชของทีม แต่ครูใหญ่ต้องการยุบชมรมนี้เพราะทีมไม่เคยชนะและนำชื่อเสียงมาให้กับทางโรงเรียนเลย แต่ก็ได้ครูระเบียบ (ดวงตา ตุงคะมณี) จอมโหดออกหน้าแทนและเป็นเหตุการณ์ให้ครูระเบียบต้องลาออก กานต์ สาลี่ และเพื่อน ๆ จึงต้องคว้าชัยชนะในการแข่งขันนี้ให้ได้ถึงจะสามารถช่วยครูระเบียบให้กลับมาสอนได้ดังเดิม

ม.6/2 ห้องครูวารี (2537)

เรื่องย่อ : ม.6/2 ห้องครูวารี (2537/1994) เรื่องราวเกี่ยวกับห้องเรียน ม.6/2 ที่มีครูวารี (จินตหรา สุขพัฒน์) นิสิตฝึกสอนที่กลายเป็นครูประจำชั้นจำเป็น ครูวารีต้องรับมือกับเหล่านักเรียนที่มีปัญหาแตกต่างกันไปอย่าง "วิน" หนุ่มที่อยากเป็นนักดนตรีซึ่งขัดกับความตั้งใจของพ่อที่อยากให้เขาตั้งใจเรียนอย่างเดียว อีกคนคือ "นุช" ที่บังเอิญคือเป็นน้องสาวของครูวารีเอง โดยพ่อแม่ของพวกเธอแยกทางกัน สองพี่น้องจึงต่างแยกกันอยู่โดยนุชอยู่กับแม่ นุชจึงเกลียดพ่อและพาลเกลียดครูวารีที่อยู่กับพ่อไปด้วย เรื่องร้ายเกิดขึ้นเมื่อวินต้องเข้าร่วมการแข่งขันดนตรีแต่เกิดทะเลาะกับพ่อและประสบกับอุบัติเหตุในขณะที่ใกล้การแข่งขันรอบชนะเลิศไปทุกที

วารี ครูฝึกสอนห้อง ม.6/2 ที่มีนักเรียนหัวโจกหลายคน โดยเฉพาะ ชีวิน อ้วน และเอก ที่มักจะนำแต่ปัญหามาให้และไม่สนใจเวลาวารีสอน ขณะที่ชีวินก็มีปัญหาทะเลาะกับพ่อ กลายเป็นเป็นปัญหาที่วารีต้องคอยแก้ไข ท่ามกลางความรักที่นักเรียนคนอื่น ๆ มีให้เธอ

วารีเป็นครูฝึกสอนของห้อง ม.6/2 ฃึ่งมีนักเรียนหัวโจกหลายคน แต่ทุกคนก็รักวารี ชีวิน อ้วน เอก ชอบดนตรี จึงหนีเรียนไปแข่งดนตรี โดยมีกลุ่ม แจน หวาน นุช ไปให้กำลังใจ นุชเป็นน้องสาวของวารี แต่มักจะนำปัญหามาให้เนื่องจากพ่อแม่เลิกกัน นุชจึงไม่สนใจเวลาวารีสอน ชีวินทะเลาะกับพ่อ จึงหนีการสอบ วารีไปเตื่อนสติ ในขณะจะไปสอบชีวินถูกรถชนต้องเข้าโรงพยาบาล ในวันแข่งดนตรี ชีวินหนีออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปแข่งกับเพื่อน ๆ พ่อตามไปแต่เจอกับพ่อของหวานและรู้ว่าพ่อของชีวินเป็นนักดนตรีเก่า พ่อของหวานจึงพูดเตือนสติให้นึกถึงลูกที่เจริญรอยตามแต่ไม่เสียการเรียน พ่อและชีวินเข้าใจกัน นุชมาขอโทษวารีที่เธอไม่เข้าใจปัญหาครอบครัว และให้กำลังใจชีวิน

กระโปรงบานขาสั้น (2536)

เรื่องย่อ : กระโปรงบานขาสั้น (2536/1993) แซ็กถูกไล่ออกจากโรงเรียนเก่า ได้มาอยู่โรงเรียนใหม่ แซ็กตกหลุมรักใบเฟิร์นตอนไปดูแอโรบิค และได้พบกับใบเฟิร์นอีกที่สนามเทนนิส แต่แซ็กได้แต่แอบมอง แซ็กได้รู้จากแพรว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดใบเฟิร์นแซ็กจึงซื้อกล่องดนตรีให้เป็นของขวัญวันเกิด ใบเฟิร์นชวนแซ็กไปงานวันเกิดด้วย

ระหว่างนั้นแซ็กโดยพวกบอมส์ขับรถชนกับรถจักรยานของแซ็กแต่แซ็กก็ขี่ไปจนถึงบ้านใบเฟิร์น พอมาถึงก็เจอแพรระหว่างคุยกันก็เกิดอุบัติเหตุทำให้แพรไปกอดกับแซ็ก ใบเฟิร์นผ่านมาเห็นพอดีเลยเข้าใจผิด พอถึงเวลาเปิดห่อของขวัญใบเฟิร์นชอบของขวัญของแซ็กมาก จึงมาขอโทษแซ็ก แล้วทั้งสองก็เข้าใจกัน ใบเฟิร์นถูกขโมยชิงสร้อยคอและรุมทำร้าย ระหว่างทางแซ็กผ่านมาเห็นจึงเข้าช่วย จนแซ็กถูกทำร้ายบาดเจ็บ บอมส์ผ่านมาโดยบังเอิญจึงเข้าช่วย จนใบเฟิร์นเข้าใจว่าบอมส์เป็นคนช่วย บอมส์และเพื่อนได้ขโมยจักรยานของแซ็กไป แซ็กท้าบอมส์ชก จนเรื่องถึงหู ครูชาลี แซ็กถูกไล่ออกอีกครั้ง แซ็กจึงจะกลับกรุงเทพระหว่างทางแซ็กพบบอมส์และเพื่อนถูกทำร้าย แซ็กจึงเข้าช่วยบอมส์จนทำให้บอร์มเข้าใจแซ็กว่าแซ็กเป็นคนดี สุดท้ายแซ็กและ ใบเฟิร์นก็เข้าใจกัน

โจ๋ไม่โจ๋หัวใจให้โจ๋ (2535)

เรื่องย่อ : โจ๋ไม่โจ๋หัวใจให้โจ๋ (2535/1992) ครอบครัวของโจ๋ย้ายบ้านบ่อยโจ๋จึงไม่ค่อยมีเพื่อน มีเพียงลิดาที่เป็นเพื่อนที่รู้ใจ แต่พ่อของทั้งสองมีเรื่องทะเลาะกันเสมอ พ่อจึงกีดกันไม่ให้ลิดาคบกับโจ๋ โจ๋ถูกจิ๊กโก๋ทำร้าย พ่อของลิดาช่วยไว้และห้ามไม่ให้มายุ่งกับลิดาอีก ครอบครัวของโจ๋ต้องย้ายบ้านอีกครั้ง ก่อนไปโจ๋ต้องเข้าแข่งกีฬาแทนเพื่อนที่เคยมีเรื่องกัน โจ๋กลายเป็นที่รักของเพื่อนๆ และคุณครูพ่อของลิดาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ โจ๋และพ่อมาช่วยไว้ ทั้งสองครอบครัวจึงเข้าใจกันและยอมให้โจ๋และลิดาคบกันต่อไป

อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป (2535)

เรื่องย่อ : อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป (2535/1992) อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ เมื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทย์และสายศิลป์ไม่ถูกกัน มักจะหาเรื่องแกล้งกันเสมอ จนครูในโรงเรียนต่างพากันเอือมระอา

นอกจากนี้ โรงเรียนได้รับครูฝึกสอนเข้ามาใหม่ หนึ่งในนั้นคือทองเอก (จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์) ซึ่ง แต้ว (สายธาร นิยมการณ์) นักเรียนสาวสายศิลป์แอบชื่นชม ความสัมพันธ์ระหว่างครูฝึกสอนกับนักเรียน กลายเป็นบทเรียนชีวิตสำคัญให้นักเรียนทั้งรุ่นได้เติบโตขึ้น

ภาพยนตร์วัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จทั้งในแง่รายได้ เสียงวิจารณ์ และรางวัล เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทย์และสายศิลป์ที่ไม่ถูกกัน นับเป็นหนึ่งในผลงานที่น่าจดจำของ บัณฑิต ฤทธิ์ถกล ที่ยังได้รับการพูดถึงมาจนปัจจุบัน รวมทั้งเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการสร้างภาพยนตร์ที่มีจุดศูนย์กลางเป็นชีวิตของเด็กมัธยมฯ อีกมากมาย

นางอาย (2533)

เรื่องย่อ : นางอาย (2533/1990) ความภูมิใจของ "สักกะ จารุจินดา" พาคุณเปิดคอนแวนต์ ดูเรื่องวุ่นๆ ของสาวรุ่นๆกับแม่ชีเจ้าระเบียบ

เรื่องราวชีวิตในวัยเรียนในโรงเรียนคอนแวนต์ในสิงคโปร์ อภิรดีหรือนาง ได้ถูกส่งตัวมาเรียน เธอต้องพบเพื่อนใหม่ที่มีทั้งเป็นมิตร และไม่เป็นมิตรรวมทั้งการเข็มงวดของบรรดาเหล่าแม่ชีด้วยความซุกซนของนางทำให้เกิดความวุ่นวายอยู่เสมอ นอกจากนี้นางยังถูกคัมพล เพื่อนชายและธนาธิปทูตหนุ่ม แย่งกันพิชิตหัวใจของนางให้ได้

นางอายเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นของเด็กสาวชื่อนาง ซึ่งเรียนประจำอยู่ที่โรงเรียนประจำ นางเป็นเด็กที่มีความร่าเริง สนุกสนาน ซุกซน แก่นแก้ว นางมีเพื่อนรักอยู่คนหนึ่ง ในโรงเรียนคอนแวนแห่งนี้ คือ สินีนาฎ สินีนาฎประสบปัญหาทางบ้าน ไม่สามารถเรียนต่อได้ แต่นางไปขอความช่วยเหลือจากคุณธนาธิป ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ประจำสถานฑูตไทย และเป็นพี่ชายของสายสุดา ในระหว่างที่ นาง สินีนาฎและ สายสุดา เรียนอยู่ในคอนแวน เกิดเรื่องราวต่างๆ มากมายจากความไม่ลงเอยกับสายสุดา คัมพลเป็นลูกชายของเพื่อนพ่อนางที่มาคลุกคลีใกล้ชิดกับนางและหลงรักในตัวนางอยู่ลึกๆ

เมื่อนางเรียนจบ พ่อของนางต้องการให้นางแต่งงานกับพี่ชายของคัมพล แต่นางไม่ยอม เพราะนางชอบกับธนาธิปอยู่ก่อนล้ว เมื่อกำพลรู้เรื่องแต่งงานเข้าไม่พอใจอย่างมาก และได้รู้ความจริงจากนางว่ารักกับธนาธิป และนางไม่ได้คิดอะไรกับกำพลนอกจากพี่ชาย ธนาธิปเมื่อรู้เรื่องแต่งงานจึงไปสู่ขอและก็ได้แต่งงานกัน