วิวาห์ลูกทุ่ง (2515)
วิวาห์ลูกทุ่ง (2515/1972) ข้อความบนใบปิด รามาภาพยนตร์ โดย โรม บุนนาค ผู้สร้าง “16 ปีแห่งความหลัง” เสนอ วิวาห์ลูกทุ่ง 35 ม.ม.ซีเนมาสโคป 11 เพลงเอก นำโดย ไชยา สุริยัน เพชรา เชาวราษฎร์ ประจวบ ฤกษ์ยามดี, เมตตา รุ่งรัตน์, สายัณห์ จันทรวิบูลย์, โขมพัสตร์ อรรถยา, ม.ล.รุจิรา-มารศรี อิศรางกูร, จุรี โอศิริ, พฤหัส บุญหลง, สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม, สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม, อบ บุญติด, พูนสวัสดิ์ ธีมากร, ทานทัต วิภาตะโยธิน, ล้อต๊อก, ชูศรี มีสมมนต์, ดาวน้อย ดวงใหญ่ พร้อมด้วย 2 ดาวเพลงลูกทุ่ง สังข์ทอง สีใส, ขวัญจิต ศรีประจันต์ โรม บุนนาค อำนวยการสร้าง สะอาด คุปาลักษณ์ สร้างฉาก แสวง ดิษยวรรธนะ ถ่ายภาพ ถาวร สุวรรณ ประพันธ์เรื่อง อนุมาศ บุนนาค สร้างบทและกำกับการแสดง ไพบูลย์ บุตรขัน, จิ๋ว พิจิตร, พยงค์ มกดา, กานต์ การุณวงศ์, วิเชียร คำเจริญ สร้าง 11 เพลงเอก อัศวินภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
16 ปีแห่งความหลัง (2511)

16 ปีแห่งความหลัง (2511/1968) ลำดวล สมบัติเจริญ กับ การะเวก เพื่อนสนิท เดินทางจากสุพรรณมากรุงเทพฯ หา จ่าโทแต้ม นักดนตรีในกองดุริยางค์ทหารอากาศ เพื่อหางานทำ ที่บ้านของจ่าโทแต้ม มี จ่าโทโปร่ง เพื่อนสนิทอีกคนอาศัยอยู่ด้วย จ่าโทแต้มให้การต้อนรับลำดวลกับการะเวกอย่างดี และเมื่อทราบว่าลำดวลได้ลาออกจากการเป็นนักเรียนจ่าทหารเรือ และลาออกจากการเป็นครูที่สุพรรณแล้ว ก็หาทางช่วยเหลือ ได้พาลำดวลไปพบ ร.ท.ปราโมทย์ นายของตนเพื่อฝากเข้าทำงานในกองทัพอากาศ

ร.ท.ปราโมทย์ ได้ตั้งค่ายมวยชื่อ ค่ายเลือดชาวฟ้า ได้รับลำดวลกับการะเวกเข้าทำงาน โดยบรรจุ ลำดวล เข้าทำงานในฝ่ายโยธา กองทัพอากาศ พร้อมกับแนะนำให้ลำดวลหัดมวยเพื่อหาลำไพ่พิเศษ จ่าตรีอ่อน ผู้ควบคุมดูแลนักมวยในค่าย ชอบพอสนิทสนมกับลำดวลและการะเวกเป็นพิเศษ สาเหตุเพราะทั้งสามคนชอบรำวง เมื่อมีคณะรำวงมาตั้งใกล้ๆ ค่ายอ่อนก็เป็นตัวการทำให้ลำดวลกับการะเวกได้หนีไปรำวงด้วยทุกคืน

จิ๋มลิ้ม หัวหน้าคณะรำวงชอบพอกับอ่อน เมื่อลำดวลได้แต่งเพลงรำวงไว้และอยากที่จะแสดงผลงานของตัว ก็ได้รับการสนับสนุนจากจิ๋มลิ้มเป็นอย่างดี เพลงชูชกสองกุมาร ของลำดวลได้รับกาารต้อนรับที่ดีจากประชาชนที่มารำวง ในคืนหนึ่ง ร.ท.ปราโมทย์ มาพบทั้งสามเข้า ทำให้ทั้งสามคนตกใจมาก แต่ ร.ท.ปราโมทย์ กลับแสดงความยินดีกับผลงานเพลงของลำดวล และย้ายลำดวลเข้าสู่กองดุริยางค์ทหารอากาศ

ที่กองดุริยางค์ทหารอากาศ ในระยะแรกลำดวลทำงานอยู่ฝ่ายการเงิน ได้รับยศเป็นจ่าตรี การะเวกและจ่าอ่อนก็ย้ายตามมาด้วย เนื่องจากบ้านพักเต็มทั้งสามคนจึงต้องมาขออาศัยที่บ้านพักของ จ่าแต้ม ที่บ้านของจ่าแต้มทั้งสามคนได้รับการขูดรีด และกดขี่จาก "นางแหว" เมียจ่าแต้มที่มีนิสัยเห็นแก่ตัวและปากร้ายเป็นที่สุด ทั้งสามคนได้หาทางแก้เผ็ดยายแหวทุกครั้ง ที่กองดุริยางคืทหารอากาศลำดวลได้รับความสนับสนุนจากนักร้องนักแต่งเพลงรุ่นพี่ ทำให้มีโอกาสแสดงผลงานที่แต่งและร้อง จนประชาชนให้ความนิยม และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น สุรพล สมบัติเจริญ

จ้าวอินทรี (2511)
จ้าวอินทรี (2511/1968) อินทรีแดงผงาดฟ้าอีกครั้งหนึ่งแล้ว ใน จ้าวอินทรี โรม ฤทธิไกร (มิตร ชัยบัญชา) ชายหนุ่มผู้แปลงตัวเองเป็นอินทรีแดงเพื่อกวาดล้างเหล่าอาชญากร โดยในภาคนี้อินทรีแดงต้องปลอมตัวเข้าไปเป็นลูกสมุนของนักธุรกิจวายร้าย ผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมและพัวพันกับแก๊งภูตมรณะ กลุ่มอาชญากรที่กำลังออกอาละวาด โดยมีคู่หูคือนางแมวป่า (พิศมัย วิไลศักดิ์)
โสนน้อยเรือนงาม (2509)
โสนน้อยเรือนงาม (2509/1966) กษัตริย์นครโรมวิสัย (ม.ล.ขาบ กุญชร) มีพระราชธิดาที่งดงามมาก เมื่อพระราชธิดาประสูติมีเรือนไม้เล็กๆปรากฎขึ้นข้างกาย เรือนนี้เมื่อพระธิดาเจริญวัยขึ้น เรือนไม้นี้ก็โตขึ้นด้วยและกลายเป็นของเล่นของพระราชธิดา พระบิดาจึงตั้งชื่อพระราชธิดาว่า โสนน้อยเรือนงาม (เพชรา เชาวราษฎร์) เมื่อโสนน้อยเรือนงามมีพระชนม์พรรษาได้สิบห้าพรรษา โหรทูลพระบิดาว่าโสนน้อยเรือนงามกำลังมีเคราะห์ ควรให้ออกไปจากเมืองเสีย เพราะจะต้องอภิเษกกับคนที่ตายแล้ว พระบิดาและพระมารดาก็จำใจให้โสนน้อยเรือนงามออกไปจากเมืองแต่ผู้เดียว โสนน้อยเรือนงามปลอมตัวเป็นชาวบ้านและเอาเครี่องทรงพระราชธิดาห่อไว้ พระอินทร์สงสารนางจึงแปลงร่างเป็นชีปะขาวมามอบยาวิเศษสำหรับรักษาคนตายให้ฟื้นได้ โสนน้อยเรือนงามเดินทางเข้าไปในป่าพบนางกุลา (ชฎาพร วชิรปราณี) หญิงใจร้ายนอนตายเพราะถูกงูกัด โสนน้อยเรือนงามจึงนำยาของชีปะขาวมารักษา นางกุลาก็ฟื้น นางจึงขอเป็นทาสติดตามโสนน้อยเรือนงาม. ที่นครนพรัตน์มีกษัตริย์ (ม.ล.รุจิรา อิศรางกูร) ครองอยู่ มีพระราชโอรสนามว่า พระวิจิตรจินดา (ไชยา สุริยัน) ซึ่งเป็นชายหนุมรูปงามและมีความสามารถ แต่วันหนึ่งพระวิจิตรจินดาถูกนาคราชกัดสิ้นพระชนม์ พระบิดาและพระมารดาเศร้าโศรกเสียใจมาก แต่โหรทูลว่า พระวิจิตรจินดาจะสิ้นพระชนม์ไปเจ็ดปีแล้วจะมีพระราชธิดาของเมื่องอื่นมารักษาได้ พระบิดาและพระมารดาจึงเก็บพระศพของพระวิจิตรจินดาไว้ และมีประกาศให้คนมารักษาให้ฟื้น โสนน้อยเรือนงามและนางกุลาเดินทางมาถึงเมืองนพรัตน์ได้ทราบจากประกาศ จึงเข้าไปในวังและอาสาทำการรักษา โดยขอให้กั้นม่านเจ็ดชั้น ไม่ให้ใครเห็นเวลารักษา โสนน้อยเรือนงามแต่งเครื่องทรงพระราชธิดาทำการรักษา โดยนางกุลาติดตามเฝ้าดู เมื่อโสนน้อยเรือนงามทายาให้พระวิจิตรจินดา พิษของนาคราชเป็นไอร้อนออกมาทำให้นางรู้สึกร้อนมาก จึงถอดเครื่องทรงพระราชธิดาออกแล้วเสด็จไปสรงน้ำ ระหว่างนั้นนางกุลาก็นำเครื่องทรงพระราชธิดาของโสนน้อยเรือนงามามแต่ง พอดีพระวิจิตรจินดาฟื้น ทุกคนก็คิดว่านางกุลาเป็นพระราชธิดาที่รักษาจึงเตรียมจะให้อภิเษก ส่วนโสนน้อยเรือนงามต้องกลายเป็นข้าทาสของนางกุลาไป พระวิจิตรจินดาและพระบิดาและพระมารดาก็ยังมีความสงสัยในนางกุลา จึงให้นางเย็บกระทงใบตองถวาย นางกุลาทำไม่ได้โยนใบตองทิ้งไป โสนน้อยเรือนงามเก็บใบตองมาเย็บเป็นกระทงสวยงาม นางกุลาก็แย่งไปถวายพระราชบิดามารดาของพระวิจิตรจินดา พระวิจิตรจินดาไม่อยากอภิเษกกับนางกุลาจึงขอลาพระบิดาพระมารดาไปเที่ยวทางทะเล พระบิดาพระมารดาให้นางกุลาย้อมผ้าผูกเรือ นางกุลาก็ทำไม่เป็น โยนผ้าและสีทิ้ง โสนน้อยเรือนงามเก็บผ้าและสีไปย้อมได้สีงดงาม นางกุลาก็แย่งนำไปถวายพระบิดาพระมารดาอีก. เมื่อพระวิจิตรจินดาจะออกเรือก็ปรากฎว่าเรือไม่เคลื่อนที่พระวิจิตรจินดาทรงคิดว่าคงมีผู้มีบุญในวังต้องการฝากซื้อของ เรือจึงไม่เคลื่อนที่จึงให้ทหารมาถามรายการของที่คนในวังจะฝากซื้อ ทุกคนก็ได้มีโอกาสฝากซื้อ แต่โสนน้อยเรือนงามอยู่ใต้ถุนถึงไม่มีใครไปถาม เรือก็ยังไม่เคลื่อนที่ พระวิจิตรจินดาจึงให้ทหารกลับไปค้นหาคนในวังที่ยังไม่ได้ฝากซื้อของ ทหารจึงได้ไปค้นหานางโสนน้อยเรือนงามได้ นางจึงฝากซื้อ "โสนน้อยเรือนงาม" เมือพระวิจิตรจินดาเดินทางไป ลมก็บันดาลให้พัดไปยังเมืองโรมวิสัยของพระบิดาของโสนน้อยเรือนงาม พระวิจิตรจินดาซื้อของฝากได้จนครบทุกคน ยกเว้นโสนน้อยเรื่อนงาม พระวิจิตรจินดาจึงสอบถามจากชาวเมือง ชาวเมืองบอกว่าโสนน้อยเรือนงามมีอยู่แต่ในวังเท่านั้น พระวิจิตรจินดาจึงเข้าไปในวังและทูลขอซื้อโสนน้อยเรือนงามไปให้นางข้าทาส พระบิดาของโสนน้อยเรือนงามทรงถามถึงรูปร่างหน้าตาของนางทาส ก็ทรงทราบว่าเป็นพระธิดา จึงมอบโสนน้อนเรือนงามให้พระวิจิตรจินดาและให้ทหารตามมาสองคน เมื่อพระวิจิตรจินดากลับถึงบ้านเมือง ทหารเมืองโรมวิสัยก็ไปทำความเคารพนางโสนน้อยเรือนงาม และเรือนวิเศษก็ขยายเป็นเรือนใหญ่มีข้าวของเครื่องใช้พระธิดาครบถ้วน โสนน้อยเรือนงามก็เข้าไปอยู่ในเรือนนั้น พระวิจิตรจินดาจึงแน่ใจว่าโสนน้อยเรือนงามเป็นพระราชธิดาที่รักษาตน จึงจะฆ่านางกุลาแต่โสนน้อยเรือนงามขอชีวิตไว้ จึงเนรเทศนางกุลาออกจากเมือง พระวิจิตรจินดาก็ได้อภิเษกกับนางโสนน้อยเรือนงาม หลังจากอภิเษกแล้วพระวิจิตรจินดาและโสนน้อยเรือนงามได้เดินทางโดยสำเภาไปยังเมืองโรมวิสัย แต่เรือถูกพายุพัดจนแตก พระวิจิตรจินดาและทหารถูกน้ำพัดไปติดที่เกาะแห่งหนึ่งเป็นที่อยู่ของฤาษีตาไฟ ซึ่งช่วยสอนวิชาอาคมให้เพื่อพระวิจิตรจินดาจะได้เดินทางกลับบ้านเมืองได้ ส่วนโสนน้อยเรือนงามซึ่งกำลังตั่งครรภ์ได้ขึ้นฝั่งไปพบนางกุลากำลังป่วยใกล้ตายจึงใช้ยาวิเศษช่วยชีวิตไว้ แต่หลังจากฟื้นมาแล้วนางกุลากลับผลักโสนน้อยเรือนงามตกลงไปในบ่อพิษทำให้ใบหน้าอัปลักษณ์ โสนน้อยซมซานไปพบกับเศรษฐีใจบุญ (พยงค์ มุกดา) และภรรยา (ศรีสละ ทองธารา) ทั้งสองสงสารจึงเลี้ยงดูเหมือนลูกและคลอดพระโอรสออกมารูปโฉมงดงาม ส่วนนางกุลาเดินทางมาพบกับกองเกวียนของมะเดื่อ (ชาย เมืองสิงห์) ซึ่งเป็นบุตรของเศรษฐีใจบุญ นางกุลาใช้เสนห์ยั่วยวนจนได้เป็นเมียของมะเดื่อ เมื่อมะเดื่อพานางกุลามาถึงบ้านก็ได้พบกับโสนน้อยเรือนงามที่หน้าตาอัปลักษณ์ แต่นางกุลาแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก เมื่อสบโอกาสก็แอบลักพระโอรสไปโยนทิ้งน้ำ แต่พระโอรสมีบุญไม่ถึงแก่ชีวิต ลอยไปยังเกาะที่มีฤาษีผู้มีฤทธิ์แก่กล้า ฤาษีเศกให้พระโอรสโตขึ้นเป็นเจ็ดขวบและสอนวิชาให้ นางกุลาแสดงความร้ายกาจจนครอบครัวเศรษฐีใจบุญทนไม่ไหว จึงขับไล่ออกจากบ้าน นางกุลาเดินทางมาในป่าจนพบกับเหล่าโจรป่า จึงยั่วยวนจนหัวหน้าโจรลุ่มหลง วันหนึ่งนางกุลาจึงวางแผนให้โจรป่าเข้าปล้นบ้านเศรษฐีใจบุญเพื่อจะฆ่าโสนน้อยเรือนงาม ขณะเดียวกับที่พระวิจิตรจินดาและพระโอรสต่างสำเร็จวิชาที่ร่ำเรียนกับพระฤาษี อาจารย์ของทั้งสองจึงสั่งให้มาช่วยโสนน้อยเรือนงาม พระวิจตรจินดาและพระโอรสใช้วิชาปราบเหล่าโจรร้ายจนราบคาบ และได้สาปนางกุลาให้กลายเป็นวัว โสนน้อยหมดเคราะห์กรรมทำให้ใบหน้าหายจากความอัปลักษณ์ ทั่งหมดจึงได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ