บริษัท ดู เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
อีสาวอันตราย (2564/2021) เรื่องราวของสาวน้อยชื่อ แก้ว (ฝ้าย นันท์ฑณัฐ) ที่อาศัยอยู่บ้านเช่าในชุมชนแออัด กับน้องชายชื่อกบ (ยอร์ช ยงศิลป์) ที่มีปัญหาภายในครอบครัวเรื่องพ่อเชิงชาย (รอน บรรจงสร้าง) แยกทางกับแม่นงคราญ (ต้อม รชนีกร) ซึ่งสาเหตุก็มาจากการที่เชิงชายชอบดื่มเหล้าและเจ้าชู้จนเงินทองไม่พอใช้ ซึ่งแก้วก็ได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้พ่อและแม่กลับมาคืนดีกัน แต่กลับเป็นไปได้ไม่ง่ายอย่างที่แก้วคิด เมื่อพ่อเชิงชายได้พาเมียใหม่ชื่อ นิศากร (ใหม่ สุคนธวา) และเธอได้พานายนิตย์ (บอย ภาสกร) น้องชายเข้ามาวุ่นวายในบ้าน แถมยังจะมาแทะโลมแก้ว แก้วรับรู้ได้ว่าสองพี่น้องคู่นี้ไม่ใช่คนดีอย่างที่พ่อเข้าใจ แก้วสัญญากับตัวเองว่าจะทำทุกทางเพื่อให้พ่อกับแม่เปลี่ยนใจ และได้กลับมาสร้างครอบครัวกันใหม่อีกครั้ง แต่ความวุ่นวายในชีวิตของแก้วยังไม่หมดแค่นี้ เพราะดันมีเหตุการณ์ที่ทำให้แก้ว เจ๊จังกึม (มะตูม เตชินท์) และเพื่อนรักอย่าง ตุ๋ม (จีจ้า ญาณิน) ลูกสาวลุงสิทธิ์ (น้าโย่ง เชิญยิ้ม) ประธานชุมชนและเป็นเจ้าของค่ายมวยที่พยายามผลักดันให้เด็กในชุมชนรอดพ้นจากสิ่งเลวร้าย ต้องไปเจอกับคู่น้าหลาน ศิระ (บอล กัมมัญญ์) กับ ปราการ (ดรีม กันต์ดนัย) ทำให้ปราการกับแก้วเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตั้งแต่นั้นมา แก้วเริ่มอึดอัดใจเรื่องแม่เลี้ยงของเธอเลยชวนกบไปหาแม่ที่ร้านเสริมสวย และได้รู้ว่าแม่ได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ฝากเพียงที่อยู่ไว้ให้ แก้วเดินคอตก พาน้องกลับบ้านไปด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว แต่แล้ววิบากกรรมก็นำพาให้แก้วกับปราการต้องโคจรมาพบกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างไปแอบซุ่มดูบ้านหลังเดียวกัน แต่คนละมุม ทันทีที่ออกจากที่ตั้งและมองเห็นกันก็ออกมาฉะกันนัว ด่ากันยับ แถมยิ่งรู้ว่าแม่ของแก้วคือคนที่คุณตาเศวตรักและหลงใหลมาก ปราการจึงคอยซ้ำเติมตลอด แก้วรู้สึกอับอายและพยายามหนีหน้าปราการ แต่ก็ไปเจอปราการอีกจนได้ ทั้งคู่จึงได้ปะทะคารมกันอย่างรุนแรง แก้วระเบิดความในใจว่าไม่ได้คิดทำร้ายครอบครัวใครอย่างที่ปราการคิด เพราะเธอยังมีความหวังอยู่ในใจที่จะทำให้พ่อกับแม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน หลังจากที่รู้ความรู้สึกแก้ว ปราการก็เริ่มเห็นใจแก้ว เรื่องวุ่นวายในชีวิตของแก้วจะจบลงเช่นไร ปราการกับแก้วจะลงเอยรักกันแบบไหน และภัยร้ายในชุมชนแห่งนี้จะมีมากมายเพียงใดต้องติดตาม
มนต์รักหนองผักกะแยง (2564/2021) ธรากรหรือ “เขียว” (ณเดชน์ คูกิมิยะ) มีคู่หูคู่ปรับอยู่ข้างบ้านชื่อเด็กหญิงชมพู่ (เมลดา สุศรี) ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่พอโตขึ้นเขียวย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯ ทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกัน ที่เคยเป็นนักเรียนยอดนิยม นักกีฬาตัวเด่น เขียวกลายเป็นไอ้บ้านนอกไอ้ลาวเด็กอีสานพูดไทยไม่ชัด โดนเพื่อนร่วมชั้นนอกชั้นกลั่นแกล้งสารพัด กลายเป็นตัวตลกในโรงเรียน ธรากรสติแตกโทษว่าเป็นความผิดยายที่เป็นคนอีสาน ทำให้ตัวเองต้องโดนเพื่อนแกล้งไม่มีใครยอมรับแบบนี้ จึงประกาศกร้าวว่าจะไม่กลับไปบ้านหนองกะแยงอีก ยายเพียร (น้อย โพธิ์งาม) เสียใจมากแต่ไม่โกรธโทษหลานรัก ตรงกันข้ามกลับเป็นห่วงหลานอย่างสุดหัวใจ ธรากรฝึกพูดภาษาไทยจนชัดโดยที่ไม่มีสำเนียงอีสาน ได้กลับมาเป็นหนุ่มป๊อปปูล่าร์อีกครั้งหนึ่ง มันคือชีวิตที่เริ่ดเลอเพอร์เฟคท์ของหนุ่มวัยรุ่น ชมพู่จบ ม. 6 สอบติดคณะเกษตรที่มหาวิทยาลัยประจำจังหวัด ส่วนเขียวได้เข้าเรียนคณะนิเทศศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ วันรับปริญญาของเขียวชมพู่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาแสดงความยินดี แต่เขาทำเมินดูถูกว่าชมพู่เป็นเด็กบ้านนอก ไม่ได้สนิทกัน มาทำไม ชมพู่โกรธและเสียใจมาก พอเรียนจบชมพู่ได้งานเป็นเจ้าหน้าที่เกษตรประจำจังหวัดและภายหลังตัดสินใจลาออกมาลงมือทำไร่แบ่งฝันปันรัก ไร่อินทรีย์ สอนและช่วยเหลือชาวบ้านหนองกะแยง ดูแลพ่อและแม่อย่างมีความสุข ส่วนเขียวพอเรียนจบก็ได้งานเป็นผู้กำกับละครตั้งแต่อายุยังน้อย ได้แฟนชื่ออลิซ (คาลิยา นิฮุต) เป็นนางร้าย เขียวรักมากหลงมาก รับงานที่ผ่านเข้ามา ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อผ่อนคอนโดฯ หลักหลายล้านที่ทำสัญญาซื้อในชื่อของอลิซ ตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอและใช้สู่ขอแฟนสาว ระหว่างที่เขียวกำลังฝันหวาน อลิซก็นำโฉนดไปแล้ว เท่านั้นยังไม่พออลิซประกาศแต่งงานกับชายอื่นแบบสายฟ้าแลบ เขียวช็อกแทบบ้า เงินไม่เหลือ ติดต่ออลิซไม่ได้ สุดท้ายเขียวจึงจำใจ กลับบ้านหนองกะแยงในที่สุด เขียวมาถึงบ้านหนองกะแยงวันงานบุญของหมู่บ้าน โดยมีชมพู่ขับรถมารับ ปิดหน้าปิดตาจนเขียวจำไม่ได้ ที่สำคัญ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ต้องพบกับเรื่องราวมากมายเกินบรรยาย จนเขียวถึงกับร้องไห้ออกมา ทั้งยายเพียร มานิต (หยอง ลูกหยี) พิไล (สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ) น้าพิลา (ยิ่งยง ยอดบัวงาม) ต่างดีใจที่เขียวกลับมาบ้าน แต่เขียวกลับมองว่า หากวันหนึ่งเขาขายที่ดิน ซึ่งเป็นสมบัติของครอบครัวได้เมื่อไหร่ จะหอบเงินกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพฯ ให้ได้ ชมพู่มาเช่าที่ดินของยายเพียรเพื่อทำไร่เกษตรอินทรีย์ มีชื่อว่า “ไร่แบ่งฝันปันรัก” ไร่อินทรีย์แห่งนี้มีการจัดสรรพื้นที่ให้มีการทำนา ปลูกผักหมุนเวียน ปลูกผลไม้หลายชนิดที่ผลัดกันออกผลผลิตครบทุกฤดู เลี้ยงไก่อินทรีย์ เลี้ยงไส้เดือน ใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ ปุ๋ยหมักเศษอาหาร และน้ำหมักชีวภาพ ไร่นี้ไม่มีลูกจ้าง อาศัยแรงงานอาสาสมัคร ชาวบ้าน ครูและนักเรียน มีการตอบแทนแรงงานด้วยตะกร้าอาหารผลผลิตจากไร่ อาสาสมัครตัวหลักประจำไร่คือครูริช ครูอาสาชาวอเมริกันสอนภาษาอังกฤษ ณ รร.บ้านหนองกะแยง หนุ่มรูปหล่อนิสัยดีเป็นคนติดดินพูดอีสานได้ชอบวัฒนธรรม อาหารอีสาน แถมยังชอบสาวอีสานที่ชื่อชมพู่อีกด้วย ชมพู่เปิดตัวว่าเป็นเจ้าของโครงการไร่ เขียวเจรจาขอให้เธอยกเลิกสัญญา ชมพู่จึงมีข้อแม้ ให้เขียวเรียนรู้เรื่องการทำเกษตรจนครบทุกด่านเสียก่อน แล้วเธอจะยอมคืนไร่แบ่งฝันปันรักให้ การกลับมาครั้งนี้ เขียวได้พบกับเพื่อนเก่าอย่างยอด (เต๋า ภูศิลป์) และส้มแป้น (อนุสรา วันทองทักษ์) ซึ่งตอนนี้ยอดกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หลังจากที่กระเจี๊ยบ (กมลรัศมิ์ อารีสนั่น) เมียของเขาทิ้งไปมีสามีใหม่ ส่วนส้มแป้นก็เปิดร้านขายส้มตำ เลี้ยงดูมายด์-มินท์ (รุ่งฤดี ข้อยุ่น /รุ่งราตรี ข้อยุ่น) ลูกสาวฝาแฝดสองคน เพราะสามีเอาแต่กินเหล้าและติดการพนันจนต้องแยกทางกัน ถึงแม้เขียวจะไม่เต็มใจทำงานในไร่นัก แต่กาลเวลาก็ทำให้เขาเกิดความรัก ความผูกพันกับบ้านเกิดอีกครั้ง ความสัมพันธ์อันเอื้อเฟื้อ มีจิตใจอันงดงามของผู้คนที่บ้านหนองกะแยง ทำให้เขียวเริ่มเปลี่ยนไป เขียวเริ่มเรียนรู้วิถีชีวิตที่แท้ทั้งเรื่องการทำนาข้าวอินทรีย์ การเลี้ยงไส้เดือน การปลูกผักอินทรีย์ การทำน้ำส้มควันไม้ การเลี้ยงไก่อารมณ์ดี การทำน้ำหมักหลากสูตร อีกทั้งประเพณีของชาวอีสานอีกต่าง ๆ มากมาย ที่แสดงถึงความรักสามัคคีที่มีต่อกัน จากคนที่ไม่อยากพูดภาษาอีสาน เขียวกลับมาพูดภาษาอีสานอีกครั้งอย่างภาคภูมิใจ ส่วนครูริช (แดนนี่ ลูเซียโน่) ก็ยังคงหลงรักชมพู่ โดยไม่ได้หันไปมองครูน้ำฝน (นับตังค์ นันท์ณภัส) เลยว่าเธอเองก็รักและหวังดีต่อครูริชเช่นเดียวกัน เขียวเริ่มตัดใจจากคนรักเก่าได้แล้ว และเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักชมพู่เข้าให้แล้ว ทั้งพิลา พิไล ยายน้อย มานิต สมศักดิ์ (สมจิตร จงจอหอ) ต่างเชียร์ให้ชมพู่และเขียวรักกัน เขียวเห็นว่าชมพู่สนิทสนมกับครูริชมาก ก็ลังเลและนึกน้อยใจ โดยที่ไม่มีใครรู้เลย ว่าชมพู่นั้นรักเขียวมาตั้งแต่วัยเด็ก และหัวใจของเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง รอคอยวันที่เขียวจะกลับมาที่บ้านหนองกะแยงอีกครั้ง ครูริชได้รับรู้หัวใจของชมพู่ในที่สุด ว่าทั้งสี่ห้องของเธอมีแต่เขียวเพียงคนเดียวเท่านั้น ครูน้ำฝน ปลอบใจครูริช จนทำให้ครูริชใจอ่อน ยอมเปิดใจให้กับครูน้ำฝน ส่วนยอดและส้มแป้นก็มาช่วยงานที่ไร่แบ่งฝันปันรักเสมอ หัวใจที่เคยอ้างว้าง ผิดหวังของทั้งสองคน ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน ทำให้ทั้งสองครอบครัวหล่อหลอมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว รวงข้าวในนาเริ่มตั้งท้อง มองไกลๆ เห็นเมล็ดข้าวสีเขียวสีเหลืองอ่อนสลับกับสีทองระยิบระยับแล้ววันหนึ่ง มอส (ณัชพงศ์พล สุดดี) ก็ยกกองถ่ายทำมาที่บ้านหนองกะแยง โดยมีอลิซมาด้วย อลิซเลิกกับสามีแล้วและตามกลับมาขอคืนดีกับเขียว เขียวสับสนว่าจะเลือกทางไหน ส่วนชมพู่ก็ร้องไห้เสียใจ ยิ่งเมื่อยายเพียรและครอบครัวรู้ความจริงว่าเขียวจะขายที่ ทำให้ทุกคนผิดหวัง เสียใจมาก ชมพู่คืนสัญญาการเช่าไร่แบ่งฝันปันรักให้ แล้วเดินจากเขียวไปแบบหัวใจสลาย สุดท้ายเขียวจะทำเช่นไร เขาจะเลือกกลับไปใช้ชีวิตหรูหราที่กรุงเทพฯ กับคนรักเก่า หรือจะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหนองกะแยง ที่ไร่แบ่งฝันปันรักแห่งนี้ ติดตามกันต่อไป
เรื่องย่อ : เสน่ห์นางงิ้ว (2561/2018) คณะงิ้วเหลี่ยนฮัวของ เถ้าแก่เจียง (รับบทโดย มนตรี เจนอักษร) ต้องประสบวิกฤตทางการแสดงอย่างกลางคัน เมื่อนางเอกประจำคณะ ไหมฟ้า (รับบทโดย ศกุนตลา เทียนไพรโรจน์) ขอลาออกเนื่องจากมีปัญหาทะเลาพวิวาทกับ ตรึงจิต (ภัทรวดี ปิ่นทอง) นางรองประจำคณะเรื่องชู้สาว บัว (รับบทโดย ณัฏฐนิชา ดังวัธนาวณิชย์) เด็กสาวประจำคณะเหลี่ยมฮัว ที่ถูกเจียงเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก ดำเกิง (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) ลูกบุญธรรมอีกคนของเจียงไปตามตัวไหมฟ้ากลับมาเล่น แต่กลับถูกไหมฟ้าปฏิเสธอย่างไม่ไยดี เมื่อสถานการณ์ถูกบีบบังคับให้เจียงต้องตัดสินใจ บัว จึงได้จับพลัดจับพลู กลายมาเป็นนางเอกประจำคณะอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซินแสหลอ เห็นพรสวรรค์ในตัวของบัวจึงผลักดันให้เธอได้แสดงเป็นนางเอกประจำคณะเหลี่ยมฮัว ชยุติ เกียรติกำจร (รับบทโดย ธีรเดช เมธาวรายุทธ) ชายหนุ่มหน้าตาดี จบจากต่างประเทศ ภายใต้การต้อนรับอย่างอบอุ่นของครอบครัว ไชโย (รับบทโดย ทนงศักดิ์ ศุภการ) พ่อของชยุติ ปัจจุบันรับช่วงต่อดูแลธุรกิจโรงงานน้ำปลาต่อจาก องกงเทียน ผู้ล่วงลับ วลี (รับบทโดย ปรารถนา บรรจงสร้าง) ผู้เป็นแม่ วลัย (รับบทโดย ปาริฉัตร ไพรหิรัญ) มาลัย (รับบทโดย ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา) ผู้เป็นยาย และ กนกวิภา (รับบทโดย พริมา พันธุ์เจริญ) ผู้เป็นน้องสาวแท้ๆ ครอบครัวชยุติ เป็นคนอวดร่ำอวดรวย เมื่อที่ชยุติเดินทางกลับมาจากต่างประเทศก็จัดงานแถลงข่าวอย่างใหญ่โตให้สมกับเป็นบุตรชายคนเดียวประจำตระกูล ส่วนมาลัย ผู้อาวุโสที่สุดในบ้าน กลับไม่เห็นด้วยกับความฟุ้งเฟ้อสุรุ่ยสุร่าย บัวได้ขึ้นแสดงเป็นครั้งแรก ก็ได้กระแสตอบรับมาเป็นอย่างดี ชุยุติได้พามาลับมาดูการแสดงงิ้วของบัวจนเกิดความประทับใจให้กับเขาเป็นอย่างมากถึงกับวาดรูปของเธอเก็บไว้ส่วนตัว มาลัยก็ชื่นชมที่บัวเป็นนางเอกงิ้วหน้าใหม่ที่แสดงได้ดี ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี แต่เจียงกลับไม่เห็นด้วยที่บัวขึ้นแสดงงิ้ว ในฐานะที่เป็นเจ้าของคณะจึงสั่งห้ามไม่ให้บัวขึ้นแสดงอีก ครอบครัวของชยุติยกเว้นมาลัย อยากให้ชยุติแต่งงานกับครอบครัวของ ยิ่งจันทร์ (รับบทโดย ฉัตรฑริกา สิทธิพรหม) ซึ่งเป็นสาวไฮโซ แม่ของยิ่งจันทร์คือ แสงเดือน พ่อของเธอคือ ล้วน ซึ่งเป็นครอบครัวของเธอนั้นประสบภาวะวิกฤตด้านการเงินแต่ไม่มีใครรู้ ทั้งสองครอบครัวพยายามยัดเหยียด ยิ่งจันทร์ให้กับชยุติ แต่เขาไม่ได้รักเธอและไม่สามารถที่จะปฏิเสธไปตรงๆได้ ชะตาที่พลิกผันหลังจากที่ไหมฟ้าออกจากคณะเหลี่ยนฮัวของเจียงก็บังเอิญตกเป็นเมียของเสี่ยธานีอย่างไม่ตั้งใจ ไหมฟ้าสบโอกาสจึงตั้งตนเป็นใหญ่ขู่รีดไถคณะเหลี่ยนฮัวเพื่อแก้แค้น เจียงเครียดอย่างหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล สถานการณ์ย้ำแย่จนตัดสินใจจะขายคณะเพื่อนำเงินที่ได้ไปสร้างตัวใหม่ แต่กลับโดนไชโยวางแผนหลอกให้คณะเหลี่ยนฮัวต้องหมดกำลังใจที่จะแสดงงิ้วต่และบีบให้เจียงขายคณะทิ้งแล้วนำที่ดินไปสร้างเรือนหอให้กับชยุติและยิ่งจันทร์ บัวหนีสอบเพื่อมาแสดงงิ้วในวันเปิดบริษัทใหม่ของครอบครัวชยุติแต่บัวปิดบังไม่ให้ใครรู้จนกระทั่งเสร็จงาน กนกวิภาเป็นคนเฉลยความจริงต่อหน้าเจียงและในคณะว่าบัวหนีสอบเพื่อมาแสดงงิ้วเพื่อช่วยเหลือคณะ แต่กลับโดนวลีเซ็นเช็คปลอมมาให้ยิ่งทำให้สถานการณ์ของคณะเข้าขั้นวิกฤต ชยุติถูกครอบครัวสั่งห้ามยุ่งกับคณะงิ้วและบัว ความรักที่เกิดขึ้นของเขาและเธอจะสามารถนำผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้หรือไม่ ติดตามชมความสนุกเข้มข้นของละคร “เสน่ห์นางงิ้ว”