Bangkok Zero บางกอก ซีโร่ (2564/2021) เช้าวันที่ 5 กันยายน บรรยากาศกรุงเทพทั้งเมืองต้องตกอยู่ในความตื่นกลัว เมื่ออยู่ๆ เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น พร้อมกันทั่วกรุง ผู้คนพากันตั้งคำถามว่าเหตุระเบิดนี้ เกี่ยวข้องอะไรกับแฮชแท็กปริศนา #5กันยาระเบิดทั่วกรุง ที่เคยติดเทรนด์ทวิตเตอร์ก่อนหน้านี้ “โกษิต”(สุเมธ องอาจ) นายตำรวจยศพล.ต.ต. บุคลิกดุดัน แข็งกร้าว ยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเอง ยอมหักไม่ยอมงอ ที่รับผิดชอบคดีนี้ออกมายืนยันทันทีว่า กลุ่มคนปล่อยแฮชแท็กปริศนานั้นคือคนวางระเบิดตัวจริง สังคมทุกวันนี้ในสายตาของเขา ช่างไร้ระเบียบ เขาจึงต้องการผลักดันกฎหมาย Security เพื่อจำกัดสิทธิในการตรวจสอบการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อจะได้ควบคุมข่าวปลอมได้ และเบื้องหลังของความมุ่งมั่นของโกษิตนั้น เพราะในอดีต เขาเคยสูญเสียลูกสาววัย 6 ขวบ ไปเพราะการปั่นข่าวปลอมในโลกออนไลน์ โกษิตจึงพร้อมทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขความผิดพลาดครั้งนั้น เพื่อไปให้ถึงผลลัพธ์ที่เขาต้องการ แม้จะต้องใช้วิธีที่ไม่ถูกต้องก็ตาม เสียงยืนยันของโกษิต ทำเอา “ม่อน” เด็กหนุ่มหัวก้าวหน้า “แด็ก” หนุ่มเนิร์ดขี้นอยด์ และ “จี๋” สาวแซ่บ เจ้าแม่แอ๊คหลุม แก๊งค์เพื่อนสายนิเทศ พากันหนาวร้อน เพราะที่แท้พวกเขาเป็นคนปล่อยแฮชแท็กนั่นเอง เพื่อโปรโมทธุรกิจ “หนังปลาระเบิดบอมบ์ บอมบ์” ธุรกิจที่พวกเขาหุ้นกันด้วยความหวังว่าจะเป็นอายุน้อยร้อยล้านคนถัดไป ต้องพับเก็บโครงการด่วนและร้อนรนไปกับการหาคำตอบว่าใครคือคนที่สวมรอยแฮชแท็ก ของพวกเขา ม่อน (เบสท์-เอกวัฒน์ นิรัตน์วรปัญญา ) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 แห่งคณะสื่อสารมวลชน คิดน้อยเหมือนเด็กทั่วไป ทำอะไรไม่ค่อยคิดถึงผลกระทบที่จะตามมา แต่ก็เป็นคนกล้าหาญและใจเย็นที่สุดในกลุ่ม ม่อนมีพ่อแม่เป็นข้าราชการครูอยู่ที่ต่างจังหวัด พอสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพได้ ม่อนก็เช่าบ้านพักอยู่แถวๆ มหาวิทยาลัยกับ “แด๊ก” เพื่อนร่วมรุ่น ม่อนไม่ค่อยได้กลับบ้าน มีความฝันคืออยากรวย พึ่งตัวเองได้ จึงลงทุนทำธุรกิจ start up ซื้อหนังปลาแซลมอนจากร้านอาหารญี่ปุ่น เพื่อมาทำผลิตภัณฑ์หนังปลากรอบทอดระเบิดกับเพื่อนๆ ชื่อแบรนด์ว่า “บอมบ์ บอมบ์” สโลแกนคือ กรอบเกรียวดุจเคี้ยวระเบิด โดยม่อนทุ่มเงินเก็บที่มีทั้งหมดในชีวิตไปกับแบรนด์นี้เลย แด๊ก (หยิ่มกี้-กมลวัชรธรรม สุวิทยาวัฒน์) เพื่อนสนิทของม่อน เป็นคนที่กังวล ขี้นอยด์ ขี้บ่น แด๊กสนใจด้าน IT เป็นพิเศษ เชี่ยวชาญด้านการซอกแซกบนโลกไซเบอร์ ลบร่องรอยไม่ให้ใครตามเจอได้ บ้านของแด๊กเป็นร้านขายของชำในย่านเมืองเก่า ครอบครัวของแด๊กเป็นครอบครัวคนจีน แด๊กมีอาม่าต้องดูแล พอเข้ามหาวิทยาลัยแด๊กจึงมาอาศัยอยู่บ้านเช่าใกล้มหาวิทยาลัยกับม่อน จี๋ (คิ้ว-อนงค์นาถ ยูสานนท์)ผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มของม่อน ราชินีแอคหลุม จี๋มีแอคหลุมนับไม่ถ้วนเอาไว้ปั่นกระแสต่างๆในโลกโซเชียล ครอบครัวของจี๋ทำธุรกิจ จึงมีเงินใช้ไม่ขาดมือ แต่พ่อกับแม่ของจี๋แยกกันอยู่ จี๋อาศัยอยู่ในคอนโดใจกลางเมืองกับแม่ จี๋เป็นสาวมั่นใจ ไม่คิดมาก ไม่ค่อยแคร์อะไร สวยใส ใช้เงินเก่ง ดังนั้นเธอจึงรับงานปั่นกระแสต่างๆ ที่จี๋มาร่วมกับม่อนและแด๊ก เพราะเห็นช่องทางทำเงินจากการขายหนังปลาระเบิดทอดกรอบ ทั้งสามต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะพิสูจน์ความบริสุทธ์ของตัวเอง แต่การรับมือของพวกเด็กๆ ดูจะไม่ทันการณ์ เมื่อมีข่าวปลอมออกมาเผยโฉมหน้าของพวกเขาว่อนเน็ตว่าคือผู้ต้องหา ทำให้การไล่ล่าของตำรวจคุกคามพวกเขาจนจนมุม จนต้องไปขอความช่วยเหลือจาก “อลิน”(ดุจดาว วัฒนปกรณ์) อาจารย์ด้านสื่อสารมวลชนชื่อดัง วัย 35 มาเป็นที่ปรึกษา โดยไม่รู้เลยว่า ภายใต้ภาพลักษณ์ที่ดูสุขุมน่าเชื่อถือ เก่ง ฉลาด ใจดี ห่วงใยคนอื่นนั้น หลังฉากของอลินคือ “แอดมินเพจจัดหนัก” เพจวิจารณ์ข่าวชื่อดังยอดฟอลหลักล้าน จัดหนักเบื้องหลังข่าวดำมืดต่างๆ ในประเทศ เพราะอลินมองว่าสื่อกระแสหลักไม่สามารถขุดคุ้ยเรื่องราวต่างๆ ได้เท่านี้ อลินเชื่อมั่นในสิทธิเสรีภาพของประชาชน และไม่เชื่อมั่นในการทำงานของภาครัฐเลย มองว่าภาครัฐและตำรวจคอยจำกัด privacy ของประชาชนอยู่ ซึ่งอลินมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเธอพร้อมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องในสิ่งที่เชื่อ ที่ศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์ มีนักวิชาการวัย 35 ชื่อ เมธี (ปอม-พีรพล กิจรื่นภิรมย์สุข) ซึ่งในอดีตเคยเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยเดียวกับอลินและรู้จักกัน เมธีเป็นคนซื่อสัตย์ เถรตรง หากไม่มีหลักฐานในเรื่องไหนเขาจะไม่ยอมฟันธงเด็ดขาด เมธีเป็นคนอนุรักษ์นิยม และไม่ทำในสิ่งที่นอกเหนือขนบ และไม่สนแม้ใครจะไม่ศรัทธาในสิ่งที่เขาทำ เพราะเมธีเชื่อว่าผลลัพธ์ที่ดีควรมาจากวิธีการที่ถูกต้องเท่านั้น ในแวดวงสื่อมวลชน เจตน์ (แก๊ป-ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล) ผู้ประกาศข่าววัย 30 ในสถานีโทรทัศน์ใหญ่ มีครอบครัวที่อบอุ่น เมียที่ดี และลูกเล็กวัยกำลังน่ารัก เจตน์ใฝ่ฝันอยากทำงานสายข่าวมาตลอดตั้งแต่เรียนจบ แต่เมื่อถึงวันที่เขาได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในสถานะที่เติบโตขึ้น โลกของการสื่อสารมวลชนไม่เป็นเหมือนที่เขาเคยวาดฝัน และเจตน์เหนื่อยล้าที่ต้องทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับความเชื่อของตัวเองอย่างไม่เห็นด้วยทุกครั้งที่ บ.ก.ข่าวให้ทำข่าวในเชิงขุดคุ้ย อิงกระแสสังคมและไร้จรรยาบรรณสื่อ แต่เพราะความรักครอบครัว ไม่อยากให้ลูกเมียต้องลำบากก็ทำให้เจตน์อดทน จนถึงวันที่..เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว... สถานการณ์ยิ่งบีบคั้นขึ้นไปอีก เมื่ออยู่ๆ กลับมีแฮชแท็กลึกลับอันใหม่ออกมาว่า #19 กันยาระเบิดเวลา ท่ามกลางการห่ำหั่นเพื่อสืบหาความจริง การเอาตัวรอด และข่าวลวงในโลกอินเทอร์เน็ตที่ถาโถมไม่หยุด ใครจะหยุดเรื่องทั้งหมดนี้ได้ และ สุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดจะพาทุกคนไปพบกับบทสรุปอะไรกันบ้าง

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 1 รายการ