บริษัท โนพร็อบเล็ม จำกัด
พิศวาสฆาตเกมส์ (2565/2022) อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้คนรักของเธอต้องตาย...และเขาคือต้นเหตุ! โอม วิศวกรหนุ่มอนาคตไกล กลายเป็นนักโทษต้องถูกจองจำ แต่นั่นยังไม่สาสมใจของเจติญา เมื่อเขาพ้นโทษออกมาในเวลาแค่ 3 ปี แม้ว่าโอมเองจะสูญเสียทั้งแม่และแฟนสาวไปอย่างไม่มีวันกลับในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในคุก แต่เจติญาก็ยังยึดมั่นจะเอาคืนเขาให้ถึงที่สุด เมื่อ "ความทรงจำ" นั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าการถูกกักขัง "การเอาคืน" และ "การชดใช้" กลายเป็นเกมแห่งการต่อสู้ โดยมี "ความรัก" เป็นเดิมพันชิ้นสำคัญ ที่ถ้าใครพลาด...อาจหมายถึงการสูญเสีย "หัวใจ" ไปอีกครั้ง
เล่ห์ลับสลับร่าง (2560/2017) ร.ต.ท. รามิล ทุ่งพระเพลิง เจ้าของฉายา "ผู้หมวดมือเหล็ก" กลายเป็นฮีโร่สุดฮอตในชั่วข้ามคืน หลังนำทีมชุดปฏิบัติการพิเศษ "หน่วยพยัคฆ์พิฆาต" บุกเข้ากวาดล้างแหล่งผลิตยาเสพติดแห่งใหญ่และ ช่วยนักข่าวสาวที่ถูกจับเป็นตัวประกันไว้ได้อย่างปลอดภัย ลีลาการบู๊ระดับพระเอกฮอลลีวู้ดของชายหนุ่ม กระแทกใจ เจ๊อั้ม ผู้จัดการดารามือทองเข้าอย่างจัง เจ๊อั้มเสนอโปรเจคท์กับ ดนู เจ้าของบริษัท ผลิตละครให้รามิลมาเล่นบทรับเชิญในละครบู๊ฟอร์มยักษ์ประกบ เภตรา ภาวดี นางเอกในสังกัด ผู้มีความงามโดดเด่นจนได้รับฉายา "ไข่มุกแห่งเอเชีย"
หนึ่งในทรวง (2558/2015) ข่าวกำหนดการเดินทางกลับมาจากประเทศฝรั่งเศส หลังจากเรียนจบปริญญาโทด้านการทูตของหนุ่มหล่อ รวย อนวัช พัชรพจนาถ หรือ หนึ่ง ลูกชายของนายวิทย์ พัชรพจนาถ อดีตนักการทูตชื่อดัง ทำให้สาว ๆ ลูกเศรษฐีทั่วฟ้าเมืองไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคุณนายสีสุกและลูกสาวคนเดียวที่ชื่อส่องแสง รวมทั้งบ้านเดือนประดับของนายสุทธิ์ และนางทิพย์ที่มีลูกชายร้อยโทสัทธาและลูกสาวสุดา ซึ่งเป็นเพื่อนและญาติสนิทของอนวัช ซึ่งมีความรักกันเหมือนพี่น้อง แต่สำหรับ หทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ หรือ “ปุ้ม” ลูกของนายทศน้องชายแท้ ๆ ของนางทิพย์ซึ่งพ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว โดยนายสุทธิ์และนางทิพย์รับอุปการะเอาไว้เสมอลูกสาวคนหนึ่ง กลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนสาว ๆ คนอื่น ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกหมั่นไส้ที่สาว ๆ ต่างคลั่งไคล้หนุ่มหล่อรวยผู้นี้ ทั้งยังเกลียดขี้หน้านายหนึ่งคนนี้ตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ เพราะเคยโดนนายหนึ่งล้อเลียนว่าเป็น “ยายกระปุกตั้งฉ่าย” หทัยรัตน์จึงตั้งแง่เกลียดนายหนึ่ง ทั้งที่ไม่ได้พบหน้านานกว่าสิบปี
หทัยรัตน์ เป็นสาวสวยอ่อนหวาน เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีคณะอักษรศาสตร์ โดยทำงานเป็นครูสอนหนังสือให้กับ ม.ร.ว. กรกนก จรูญลักษณ์ เด็กหญิงวัย 12 ขวบ ซึ่งพิการเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา อยู่กับพี่ชาย ม.ร.ว. ประสาทพร จรูญลักษณ์ และพี่เลี้ยง เพราะท่านพ่อหม่อมเจ้าประสานสุข แต่งงานใหม่ คุณชายกับคุณหญิงจึงย้ายออกจากวังมาอยู่ด้วยกันตามลำพัง ซึ่งคุณหญิงรักคุณครูของเธอมาก ถึงขนาดเชียร์ให้พี่ชายจีบเป็นพี่สะใภ้ ซึ่ง ม.ร.ว. ประสาทพรก็มีใจชอบหทัยรัตน์เช่นกันเมื่ออนวัชเดินทางกลับถึงเมืองไทยก็แวะเยี่ยมเยียนบ้านญาติ ๆ ทั้งบ้านคุณนายสีสุก บ้านเดือนประดับของสองพี่น้องสัทธา และสุดา รวมทั้งบ้านของ ม.ร.ว. ประสาทพร และม.ร.ว. กรกนก จรูญลักษณ์ แต่ก็คลาดกับหทัยรัตน์ ไม่ได้เจอหน้ากันสักครั้ง อนวัชเองแทบจะลืมชื่อหทัยรัตน์ไปแล้ว ทั้งที่เป็นคู่อริกันในตอนเด็ก เขาจำได้เพียงภาพเด็กหญิงตัวอ้วนกลม หน้าตาขี้เหร่ เถียงเก่ง ไม่เคยยอมใครได้เท่านั้น อนวัชไปเยี่ยมเพื่อนเก่าชื่อพินิจ พนัสพงษ์ แต่ไม่พบเพราะพินิจไปพักฟื้นที่ไร่พนัสพงษ์ของพินัย ซึ่งเป็นพี่ชาย พบแต่คุณนายนวล แม่ของพินิจเล่าว่าพินิจป่วยเป็นวัณโรค และตรอมใจเรื่องคนรักชื่อ หทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ ซึ่งทอดทิ้งไป ทำให้อนวัชมีอคติกับหทัยรัตน์ ส่วนคุณนายนวลเห็นว่าอนวัชหล่อ รวย ตระกูลดี ก็คิดจะจับคู่ให้ลูกสาว พรรณี ซึ่งเป็นอาจารย์สอนหนังสือ และเป็นเพื่อนกับหทัยรัตน์ โดยไม่รู้ว่าพรรณีกับร้อยโทสัทธาแอบชอบกันอยู่และเมื่ออนวัชไปบ้านเดือนประดับอีกครั้ง ก็ได้พบหทัยรัตน์เข้าจนได้ แต่การพบกันครั้งแรกของทั้งสองเป็นไปอย่างปั้นปึ่ง เพราะหทัยรัตน์กำลังคุยกับเพื่อนสาวคนสนิทชื่อผ่องฉวี จึงไม่สนใจออกมาต้อนรับอนวัช ทำให้อนวัชหัวเสียกลับไปไม่กี่วันต่อมาอนวัชไปที่เดือนประดับอีก คราวนี้เขาได้พบทั้งสัทธาและสุดา รวมทั้งหทัยรัตน์สมใจ อนวัชรู้สึกโมโหที่หทัยรัตน์ทำท่าไม่ใส่ใจ ไม่ยินดียินร้ายกับการเจอหน้าเขา ทั้งยังตั้งท่ารังเกียจเสียอีกด้วย ซึ่งอนวัชถือว่าเป็นการดูถูกเขาอย่างยิ่ง เพราะหญิงสาวทุกคนที่เขาเจอเป็นต้องยอมรับเขาในทุก ๆ ด้าน ก็เลยหมายมั่นไว้ในใจว่าจะต้องได้เห็นดีกันแน่สำหรับสาวอวดดี จองหองและหยิ่งทระนงคนนี้ข้างฝ่ายทหัยรัตน์ก็เช่นกัน ยิ่งเจอหน้านายหนึ่ง เธอก็ยิ่งเกลียดขี้หน้า เพราะเขาทั้งหยิ่ง อวดดี พูดจากวนโทโส และถือว่าตัวเองหล่อ รวย สาว ๆ ทุกคนต้องยอมสยบ แต่สำหรับหทัยรัตน์ ราชพิทักษ์ นอกจากจะไม่รักแล้ว ยังเกลียดนายหนึ่งยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ทำเอาทั้งสัทธาและสุดา ส่ายหน้า รู้ว่าทั้งคู่ต่างเป็น “ขมิ้น” กับ “ปูน” ที่ไม่มีวันจะเข้ากันได้ แต่อย่างไรก็ตามสองพี่น้องก็ยังคิดหาหนทางให้อนวัชและหทัยรัตน์ โอนอ่อนเข้าหากัน และเป็นเพื่อนกันให้ได้อนวัชและหทัยรัตน์ มีโอกาสเจอกันโดยบังเอิญอีกหลายครั้งทั้งที่บ้านคุณชายประสาทพร และตามงานสังคมต่าง ๆ แต่ทั้งคู่ก็ทำท่าปั้นปึ่งใส่กัน พูดจากระทบกระเทียบกัน ทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน และแทบจะไม่อยากได้ยินชื่อกันและกัน เรียกว่าต่างคนต่างเกลียดกันโดยไม่มีเหตุผลสัทธาและสุดาคิดจะจัดงานวันเกิดให้นายสิทธิ์ที่บ้านเดือนประดับ โดยจัดเป็นงานใหญ่เชิญญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมงานมากกว่าทุกปี สองพี่น้องก็เลยคิดแผนการจะให้อนวัชและหทัยรัตน์คืนดีกัน โดยปิดไว้เป็นความลับ แต่ได้จองคิวอนวัชไว้ล่วงหน้า ซึ่งอนวัชก็รับปากว่าจะมางานวันเกิด แต่อาจจะมาค่ำหน่อย เพราะมีธุระต้องไปรับเพื่อนสาวชื่อ วิยะดา กลับจากฝรั่งเศส ทำเอาสัทธาเริ่มสงสัยว่าวิยะดาเป็นแฟนสาวของอนวัชหรือเปล่า แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมบอกอะไร ปล่อยให้เพื่อนเข้าใจเองคุณชายประสาทพรมีโครงการจะไปศึกษาดูงานต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 2 ปีเต็ม จึงจำเป็นต้องส่งคุณหญิงกรกนกกลับไปอยู่วังกับท่านพ่อ แต่คุณหญิงกลัวหม่อมราศรี ซึ่งเป็นแม่เลี้ยง จึงขอร้องให้หทัยรัตน์ไปพูดกับคุณชาย ขออยู่กับแม่โอ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงที่บ้านตามลำพัง สุดท้ายด้วยความเป็นห่วงน้องสาวคุณชายประสาทพร จึงตัดสินใจไปพูดกับนายวิทย์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง และอนวัช ขอให้คุณหญิงกรกนกไปอาศัยอยู่ที่บ้านเป็นการชั่วคราว ซึ่งทั้งนายวิทย์และอนวัชก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทำให้คุณชายประสาทพรรู้สึกสบายใจขึ้นในที่สุดงานวันเกิดของนายสุทธิ์ก็มาถึง คุณนายสีสุกและส่องแสงก็มาด้วย พอมาถึงก็ต้องผิดหวังเพราะไม่พบหน้าอนวัช แต่เมื่องานเต้นรำเริ่มขึ้นอนวัชก็มาได้ทันเวลาพอดี ส่องแสงถือโอกาสเต้นรำกับอนวัชแทบทุกเพลง โดยไม่ยอมให้สาวใดเข้าใกล้ ข้างฝ่ายหทัยรัตน์ก็มีหนุ่ม ๆ มาขอเต้นรำไม่ซ้ำหน้าเหมือนกัน ต่างคนต่างเฝ้ามองกันและกันสัทธาประกาศให้ทุกคนในงานรู้ว่างานในวันนี้นอกจากจะเป็นงานวันเกิด ยังต้องการให้ครึกครื้นด้วยการจัดให้มีการเลือก “ควีน” และ “คิง” ของงาน คือหนุ่มหล่อและสาวสวยที่สุดของงาน โดยให้ทุกคนที่มาในงานเป็นผู้ลงคะแนนกันเอง และในที่สุดผลก็ออกมาตามความคาดหมายของสัทธาและสุดาสองพี่น้องนั่นคือ หทัยรัตน์ ได้ตำแหน่งควีน ส่วนอนวัชได้ตำแหน่งคิงอย่างไร้คู่แข่ง ทั้งคู่ขึ้นไปรับรางวัลจากนายสิทธิ์และถ่ายรูปคู่กัน พร้อมกันนั้นทั้งคู่ยังต้องเป็นผู้เปิดฟลอเต้นรำด้วยกันอีกครั้ง ทำเอาอนวัชและหทัยรัตน์โมโหจนพูดไม่ออกเพราะรู้ว่าเป็นแผนการของสองพี่น้องคืนนั้นอนวัชและหทัยรัตน์ เต้นรำด้วยกันอย่างฝืนใจสุด ๆ ต่างคนต่างพูดจาเอาชนะกันและกัน และสุดท้ายก็จบลงด้วยความปั้นปึ่งใส่กันเหมือนเดิม ทำเอาสองพี่น้องสัทธาและสุดาผิดหวังไปตาม ๆ กัน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเปิดของขวัญที่ได้รับจากนายสุทธิ์ก็เกิดสลับกับของอนวัชอีก เพราะหทัยรัตน์เปิดกล่องมาเป็นแหนบสำหรับเสียบเนคไททองคำ ทำเป็นรูปคทาสวยงาม ซึ่งจริง ๆ แล้วของผู้หญิงต้องเป็นเข็มกลัดเพชรรูปมงกุฏ แต่ด้วยทิฐิของทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างก็ไม่ยอมเปลี่ยนกันคุณชายประสาทพรมาบอกหทัยรัตน์เรื่องที่คุณหญิงกรกนกและพี่เลี้ยงจะย้ายไปอยู่บ้านของนายวิทย์ ซึ่งจำเป็นจะต้องให้คุณครูตามไปสอนหนังสือที่บ้านนายวิทย์ด้วย ทำให้หทัยรัตน์รู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง เพราะเกรงว่าจะต้องเจอหน้ากับนายหนึ่งที่ตัวเองแสนจะเกลียด แต่เมื่อเป็นหน้าที่ก็จำใจต้องรับปากไป ก่อนจะไประบายความอึดอัดใจให้สองพี่น้องสัทธาและสุดาฟัง ซึ่งก็ทำให้สองพี่น้องหัวเราะถูกใจที่ทั้งอนวัชและหทัยรัตน์ยิ่งเกลียดกันมากก็ยิ่งได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่านั้นในที่สุด ม.ร.ว. ประสาทพร ก็เดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งการจากไปครั้งนี้เต็มไปด้วยความห่วงใย เพราะนอกจากจะห่วงน้องสาวผู้พิการแล้ว ก็ยังห่วงว่าหทัยรัตน์ที่ตัวเองหลงรักนั้น จะมีชายอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวภายในเวลาสองปีที่เขาจากไปหรือเปล่า แต่เขาก็ตั้งใจว่าจะติดต่อกับเธออย่างสม่ำเสมอ โดยไม่รู้ว่าหัวใจของหญิงสาวไม่ได้มีใจคิดกับเขาเป็นอื่นนอกจากนายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้นแม้ปากจะบอกว่าไม่รัก แถมเกลียดด้วยซ้ำ แต่อนวัชก็ยังตามตอแยกวนโมโห เฝ้าต่อล้อต่อเถียงยุ่งเกี่ยวกับหทัยรัตน์ระหว่างที่มาสอนหนังสือคุณหญิงที่บ้านแทบทุกวัน ซึ่งต่างคนต่างยังถือทิฐิใส่กัน พินิจมาหาอนวัชที่บ้าน ได้พบกับหทัยรัตน์ รู้สึกดีใจมาก พยายามจะสานสัมพันธ์เดิม แต่หทัยรัตน์ให้ได้เพียงความเป็นเพื่อนเท่านั้น ทำให้พินิจน้อยใจและเสียใจกลับไปคุณหญิงกรกนกป่วยกะทันหัน มีไข้นอนซม หทัยรัตน์จึงไปเยี่ยมเยียนทุกวันจนคุณหญิงอาการดีขึ้น แต่คุณหมอประสงค์ที่รักษาแนะนำให้พาคุณหญิงไปพักผ่อนต่างจังหวัด เพื่อให้สุขภาพกายและใจดียิ่งขึ้น นายวิทย์จึงเอ่ยปากชวนหทัยรัตน์ให้ไปเป็นเพื่อนคุณหญิงพักผ่อนที่บ้านพักที่หัวหินเป็นเวลาสองสัปดาห์ ซึ่งการไปพักผ่อนครั้งนี้นอกจากนายวิทย์ นายอนวัช คุณหญิงกับพี่เลี้ยง และคุณครูแล้ว ยังมีคุณหมอประสงค์ คุณนายสีสุกกับลูก รวมทั้งสัทธาและสุดา สองศรีพี่น้อง ไปกันเป็นขบวนใหญ่ คุณหมอประสงค์พูดคุยสนิทสนมกับหทัยรัตน์ ทำให้อนวัชหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง อีกทั้งเมื่อเห็นจดหมายของคุณชายประสาทพรที่ส่งมาถึงหทัยรัตน์ ก็ยิ่งไม่พอใจยิ่งขึ้น โดยไม่รู้สาเหตุ ประกอบกับพินิจก็ตามมาหาหทัยรัตน์ด้วยความรัก ทำให้อนวัชหมั่นไส้ยิ่งนัก ทั้งอนวัชและหทัยรัตน์ยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตตลอดเวลาที่อยู่หัวหินแล้วเย็นวันหนึ่งขณะที่ทุกคนเล่นน้ำทะเล มีการว่ายน้ำแข่งกัน และด้วยความอยากเอาชนะกันและกันของหทัยรัตน์และอนวัช เป็นเหตุให้หทัยรัตน์เกือบจะจมน้ำตาย ดีที่อนวัชว่ายน้ำไปช่วยไว้ได้ทัน หทัยรัตน์ฟื้นขึ้นมารู้ว่าใครช่วยชีวิต ก็ยังวางฟอร์ม แต่เมื่อมีโอกาสเธอได้ขอบคุณเขา แต่เขาก็ยังวางฟอร์มเหมือนกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น ยิ่งเมื่อแม่ลูกสีสุกกับส่องแสงเดินทางมาถึง ความวุ่นวายก็มีอยู่ตลอดจนหลายคนหงุดหงิดไปตาม ๆ กัน ต่างคนต่างเร่งให้ถึงกำหนดกลับเร็วยิ่งขึ้นกลับถึงกรุงเทพฯ ได้ไม่นานหมอประสงค์ก็บอกข่าวแต่งงานกับเจ้าสาวชื่ออุรา อนวัชคิดว่าหทัยรัตน์จะผิดหวังเมื่อรู้ข่าว แล้วก็ต้องแปลกใจที่เธอไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับหมอประสงค์เลย แล้วในงานแต่งอนวัชก็รู้ว่าหทัยรัตน์เป็นเพื่อนสนิทกับอุราเจ้าสาว จึงรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างดี อนวัชโมโหที่ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปฝ่ายเดียว ก็เลยปล้ำจูบหทัยรัตน์เมื่อไปส่งที่บ้าน หทัยรัตน์โกรธมากได้ตบหน้าเขากลับ แล้วพูดจาด่าว่าด้วยความโกรธจัด แต่อนวัชกลับสะใจที่ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายชนะหญิงสาวอนวัชยังตามตอแยหญิงสาวด้วยการยื่นข้อเสนอขอแต่งงานด้วย แต่หทัยรัตน์ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ยืนยันว่าไม่เคยคิดจะรักเขา มีแต่ความเกลียดชังที่มอบให้ ทำให้อนวัชยิ่งโมโห หมายมั่นว่าจะต้องเอาชนะหญิงสาวและขอแต่งงานกับเธอให้ได้พินิจยังไม่เลิกรักหทัยรัตน์ มาที่บ้านและสารภาพรักพร้อมขอแต่งงานกับหทัยรัตน์ หทัยรัตน์ไม่อยากให้เขามีความหวังอีก จึงพูดตัดบทว่ามีคนรักอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้เขาอยู่ไกลบ้าน ทำให้พินิจเข้าใจว่าคนรักของเธอคือคุณชายประสาทพร ดังนั้นเมื่อกลับถึงบ้านพินิจเอาแต่เศร้าซึม กินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่ออนวัชไปเยี่ยมพินิจก็บอกให้รู้ว่าหทัยรัตน์รักกับคุณชาย ทำเอาอนวัชหงุดหงิดใจยิ่งนัก แต่ก็ยังปากแข็งคุณนายนวลบังคับให้พินิจหมั้นกับจำปีลูกสาวคุณนายลำเจียกเศรษฐินีเพื่อนของเธอ แต่พินิจยังบ่ายเบี่ยงเธอก็เลยไปหาหทัยรัตน์ พูดจาดูถูกดูแคลนไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับลูกชาย หทัยรัตน์โมโหจึงพูดจาตอกกลับจนคุณนายนวลหน้าหงายทางด้านพินิจยอมเป็นหุ่นเชิดของแม่เพราะรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งที่ปอด จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ก็เลยยอมตามใจแม่หมั้นกับจำปี พร้อมกำหนดวันแต่งงานอย่างเร่งด่วน แต่ยังไม่ถึงวันแต่งพินิจก็ป่วยหนัก พร่ำเพ้ออยากเจอหน้าหทัยรัตน์เป็นครั้งสุดท้าย พินัยจึงไปขอร้องให้อนวัชพาหทัยรัตน์มาเยี่ยม อนวัชชวนหทัยรัตน์ไปเยี่ยมพินิจที่ไร่พนัสพงษ์ แต่หทัยรัตน์เห็นว่าเย็นมากแล้วจึงไม่ยอมไป อนวัชจึงบังคับพาตัวไป แต่พอไปถึงไร่ก็สวนทางกับพินิจ ซึ่งป่วยหนักถูกนำส่งโรงพยาบาลในกรุงเพทฯ อย่างกะทันหัน อนวัชจะขับรถกลับกรุงเทพฯ ทันที แต่รถเสียกลางทางจึงต้องอยู่ค้างคืนที่ไร่ และทราบข่าวว่าพินิจเสียชีวิตในคืนนั้นเองเมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ จึงโดนทั้งพ่อและคุณสุทธิ์ คุณทิพย์รุมตำหนิที่พาหลานสาวไปค้างอ้างแรมกันสองต่อสอง อนวัชยอมรับผิดทุกอย่าง นายวิทย์จึงปรึกษากับครอบครัวเดือนประดับ ตัดสินใจให้อนวัชหมั้นกับหทัยรัตน์ ตอนแรกหทัยรัตน์ยืนยันปฏิเสธเสียงแข็ง แต่สุดท้าย เห็นแก่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย จะต้องผิดใจกันเพราะเธอ ปุ้มจึงยอมรับหมั้น อีกทั้ง ต้องการเอาชนะสองแม่ลูกคือคุณนายสีสุกและส่องแสงที่พูดจาดูถูก เธอจึงตัดสินใจรับหมั้นอนวัช แต่ก็หวังว่าจะสามารถถอนหมั้นได้เมื่อข่าวต่าง ๆ จางหายไปคุณชายประสาทพรกลับกรุงเทพฯ พร้อมทราบข่าวการหมั้นของทั้งคู่ รู้สึกผิดหวังมาก แต่หทัยรัตน์ได้ชี้แจงให้ทราบถึงความจำเป็นที่ต้องหมั้น ทำให้คุณชายรู้สึกดีขึ้น และตั้งใจว่าจะเอาชนะใจของเธอให้ได้ แป้นดีใจมากที่ได้เจอคุณชายประสาทพร ความรัก ความผูกพันเกิดขึ้นในใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ปุ๊พบจดหมายที่แป้นเขียนติดต่อกับคุณชายประสาทพร เริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ส่องแสงยังคงเฝ้าวนเวียนอยู่ใกล้ตัวหนึ่งไม่ห่าง ซ้ำยังยุให้ประสาทพร ขอปุ้มแต่งงานอีกด้วย ทำให้ทั้งปุ้มและหนึ่ง ต่างหึงหวงกันอย่างไม่รู้ตัว นวลรู้ในที่สุดว่าหนึ่งหมั้นแล้ว ดุด่าพรรณีเป็นการใหญ่เรื่องที่แอบอ้างเอาตัวหนึ่งมาเป็นเกราะกำบัง ที่แท้ ไปควงอยู่กับปุ๊ พรรณีรู้สึกผิดต่อแม่มากวิทย์อยากให้หนึ่ง แต่งงานกับปุ้ม หนึ่งแอบดีใจ แต่ก็ลำบากใจเพราะรู้ว่า ยังไม่สามารถทำให้ปุ้มรับรักเขาได้ ยิ่งเมื่อเขาเห็นประสาทพร เขียนจดหมายขอแต่งงานกับปุ้มด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หนึ่งหมดหวัง ถึงแม้ปุ้มจะยังไม่ได้ตอบรับ แต่ในจดหมายก็บอกชัดเจน ว่าปุ้มจะไม่ยอมแต่งงานกับเขาแน่นอน หนึ่งเสียใจ และทำใจไม่ได้ เขาลางานไม่มีกำหนด ขึ้นไปอยู่บ้านพักที่เชียงใหม่ พร้อมทั้งฝากจดหมายประสาทพรไปให้ปุ้ม เขียนบอกถึงการให้อิสรภาพกับปุ้ม หากปุ้มต้องการแต่งงานกับประสาทพร แต่หนึ่งยืนยันในท้ายจดหมายหนักแน่น ว่ารักปุ้มเพียงคนเดียวเท่านั้นปุ้มได้อ่านจดหมายก็นึกหวั่นไหว แต่เธอก็ไม่สามารถพบหน้ากับหนึ่งได้อีก หนึ่งกินเหล้าเมามายทุกวัน จนปุ๊เป็นห่วง ตามไปดูที่เชียงใหม่ แล้วหนึ่ง ก็ขับรถประสบอุบัติเหตุในคืนหนึ่ง ปุ๊ โทรมาบอกแป้น วิทย์ สุทธิ์ ทิพย์ รวมทั้งแป้น กับปุ้ม ว่าหนึ่งอาการสาหัสมาก รุ่งขึ้น ทุกคนจึงรีบตามไปเยี่ยมหนึ่งที่เชียงใหม่ ยกเว้นแป้น ที่ต้องเคลียร์งานทางกรุงเทพฯก่อนประสาทพรสงสัยในความสัมพันธ์ ของหนึ่งกับปุ้ม จึงไปถามแป้น แป้นจึงตอบไปตามตรงว่า ปุ้มกับหนึ่งน่าจะรักกัน แต่ต่างไม่ยอมรับในหัวใจตนเอง ประสาทพร โกรธที่แป้นไม่เคยบอกตน ทำให้ประสาทพรโกรธแป้น แป้นเสียใจมาก เพราะเธอเองก็ไม่อาจบอกประสาทพรได้เช่นกัน ว่า แอบชอบเขาอยู่หนึ่งอาการไม่สาหัส เท่าที่ปุ๊ บอกกับทุกคน แต่ปุ๊ กับหมอประสงค์ รวมถึงหนึ่ง วางแผน จะให้ปุ้ม สารภาพรักกับหนึ่ง และยอมแต่งงานกับหนึ่งให้ได้ในที่สุด หนึ่งทำทีว่าเจ็บปางตาย ทั้งเดินไม่ได้ ทั้งหน้าเสียโฉม จนปุ้มอดเป็นห่วงไม่ได้ ส่วนปุ๊ ก็สารภาพความจริงกับวิทย์ ทิพย์ สุทธิ์ จนทุกคนหมดห่วง และกลับไปกรุงเทพฯในวันรุ่งขึ้นส่องแสงใช้เวลาช่วงที่หนึ่งไม่อยู่ ออกเที่ยวเตร่กับรวยแทบทุกคืน รวยทุ่มเททั้งเงินทอง ความสุขสบายให้กับส่องแสง และในคืนหนึ่งที่ส่องแสงเมามาย รวยก็อดใจไม่ไหว มีความสัมพันธ์กับส่องแสงในคืนนั้นเอง แต่ส่องแสงยังไม่ยอมหยุดแค่นั้น เขาตามไปหาหนึ่งที่เชียงใหม่ เมื่อได้เห็นสภาพของหนึ่ง ส่องแสงถึงกับรับไม่ได้ พูดตัดเยื่อใยกับหนึ่ง บอกว่าจะแต่งงานกับรวยให้เร็วที่สุด ปุ้มแอบสงสารหนึ่ง โดยที่ไม่รู้ว่า หนึ่งนั้นดีใจเป็นที่สุดพรรณีไม่อยากให้นวล ผู้เป็นแม่เสียใจ จึงบอกเลิกกับปุ๊ นวลเตรียมจัดงานแต่งงานให้พรรณีกับผู้ชายอื่น สุดท้ายพรรณีทำใจไม่ได้ จึงประกาศกลางตลาด ต่อหน้าแม่ และปุ๊ ว่าเธอมีความสัมพันธ์กับปุ๊แล้ว นวลจึงจำใจให้ปุ๊ พาผู้ใหญ่มาสู่ขอ สุทธิ์ กับทิพย์ ขนเงิน และทอง มาเป็นสินสอดทองหมั้นให้นวล กับพรรณี จนนวลตาโต ยินดีจะให้จัดงานแต่งงานเร็วที่สุด สร้างความดีใจให้กับพรรณีและปุ๊มากหนึ่งสวมบทบาทคนป่วยได้อย่างแนบเนียน เขามีความสุขมากที่มีปุ้มอยู่ใกล้ ๆ ได้รู้ว่าปุ้มนั้นรักเขาอย่างจริงใจ ถึงแม้จะไม่ได้พูดออกมา หนึ่งแกล้งเจ็บ แกล้งทำทีจะฆ่าตัวตาย แต่ปุ้มก็ยังไม่ยอมบอกรัก จนเขาเริ่มท้อใจ ส่วนส่องแสงก็เตรียมตัวแต่งงานอย่างใหญ่โต แต่แล้วรวยก็มาถูกจับข้อหาค้ายาเสพติดเสียก่อน ส่องแสงหมดหนทาง กลับไปหาหนึ่ง ไล่ให้ปุ้มไปจากชีวิตหนึ่ง แต่ปุ้มยืนยัน ว่ารักหนึ่ง และจะอยู่เคียงข้างหนึ่งตลอดไป หนึ่งได้ยินดีใจมาก บอกให้ส่องแสงกลับไปกรุงเทพฯเสีย เพราะอย่างไร เขาก็จะแต่งงานกับปุ้มคนเดียว ส่องแสงตัดพ้อหนึ่ง ต่อว่าหนึ่งกับปุ้มอย่างเสียหาย แล้วจากไปอย่างคนที่ไม่มีอะไรเหลือเลยกนกพร บ่นคิดถึงแป้น เพราะช่วงที่แป้นมาสอนหนังสือแทนปุ้ม เธอเริ่มสนิทสนมกับแป้น และพูดถึงแป้น ว่ามีอะไรเหมือนประสาทพรหลายอย่าง ประสาทพรเองก็เริ่มคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ช่วงที่ได้อยู่กับแป้น และเริ่มรู้ใจตนเอง ว่าคนที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดมา แต่กลับมองข้ามไปก็คือแป้นนั่นเอง ประสาทพรเดินทางไปเยี่ยมหนึ่ง และได้รับคำยืนยัน ว่าหนึ่งรักปุ้ม ประสาทพร จึงพูดจาเตือนสติ ให้ปุ้ม ยอมรับความรักในหัวใจตนเอง ก่อนที่เสียทุกอย่างไป เหมือนที่เขาเพิ่งรู้หัวใจตนเอง ว่ารักและผูกพันกับแป้นมากมาย ประสาทพร ขอให้แป้นเป็นครูของกนกพร และเป็นคนพิเศษ ของเขาตลอดไป แป้นตอบรับอย่างมีความสุขหนึ่งเปิดเผยความจริงเรื่องที่ตนเองไม่ได้ป่วยหนักอย่างที่เห็น ทั้งหน้าตายังหล่อเหลา ขายังเดินได้เหมือนเดิม ปุ้มโกรธจัดที่ถูกหลอกจะหนีกลับกรุงเทพฯ แต่หนึ่งตามไปได้ทัน คุกเข่า สารภาพรักกับปุ้ม และขอปุ้มแต่งงานในที่สุด ปุ้มยอมลดทิฐิ และยอมรักว่ารักหนึ่งเช่นกัน ยินดีจะแต่งงานกับหนึ่งด้วยความเต็มใจ ทั้งสองจึงได้ครองคู่กันในที่สุดดาวเรือง (2556/2013) “จินตวัฒน์ หรือ จิ๋น” ปลัดหนุ่มไฟแรง ลูกของ “จันทรา” และพี่ชายของ “จุลมณี หรือ โจ๋ง” ถูกส่งตัวไปเป็นปลัดที่ต่างจังหวัด ด้วยความที่เรียนจบใหม่จึงไฟแรง บอกกับจันทราว่าหมายมั่นปั้นมือจะไปพัฒนาหมู่บ้าน ด้วยกำลังและวิชาที่ได้ร่ำเรียนมา โดยหารู้ไม่ว่าส่งที่จะเจอภายหน้านั้น ไม่ว่าจะพลกตำราจากสถาบันไหน ก็หาได้แก้ไขเรื่องราวอันวุ่นวายของหมู่บ้านนี้ได้ นายกำจร เป็นคนขับรถอาสาพาสาพาปลัดหนุ่มหน้าละอ่อน ไปเยี่ยมชมหมู่บ้านจนทั่ว ไม่ว่าจะเป็นบ้านกำนัน หรือบ้านผู้ใหญ่ผันที่วันๆ นอกจากจะตีไก่แล้ว ยังต้องดูแลเมีย ณ ตอนนี้ ที่มีอยู่ถึงเก้าคน เป็นอันว่าทุกข์ร้อนของชาวบ้านไม่ต้องสนใจ แค่เรื่องในมุ้งก็ยุ่งพอทน ผู้ใหญ่มีลูกชายอยู่หนึ่งคนชื่อว่า “นายสุวรรณมาลี หรือ วรรณ” ออกจากกองปราบ (ศรัตรูพืช) มาเป็นนายร้อย (กองควาย) รับจ้างตามหาควายหายหรือไม่ก็โขมยควายเสียเอง เรื่องราวแปลกๆ ของหมู่บ้านนี้ยังไม่มีเท่านั้น นายกำจรยังบอกอีกว่า หากจินตวัฒน์ต้องการจะพัฒนาหมู่บ้านนี้ ทางที่ดีต้องพัฒนาบ้านไอ้เรืองก่อน “ดาวเรือง หรือ ไอ้เรือง” หากินสารพัดเพื่อเลี้ยงดู บานชื่นผู้เป็นแม่ และส่งเสียพี่ชายคนเดียว “พฤกษ์” ที่ร่ำเรียนจนใกล้จบผู้พิพากษาในเร็ววันนี้ เมื่อนายกำจรพาจินตวัฒน์มาร้านกาแฟและได้พบหน้าตาของไอ้เรืองก็ถึงกับงง กิติศัพท์ที่ว่ามันชอบต้มเหล้าเถื่อน จนถูก “จ่าแม่น เก่งหมุด” ไล่ตามจับเสียหลายครั้ง จนไอ้เรืองเรียกว่าจ่าแม่น เก่งมุด ซี่งมันก็หนีรอดไปได้ทุกทีไหนจะเรื่องการพนัน ทั้งไพ่ ไฮโลว์ ถั่งโป สารพัด รวมอยู่ในตัวของเด็กสาสวตัวเล็กๆ คนนี้น่ะ หรือ จินตวัฒน์ระวังท่าทีอยู่เสมอในการพบกันครั้งแรกกับไอ้เรือง เพราะไม่แน่ใจในคำโพนทะนาของนายกำจร ว่าจริงเจอย่างไร จนทำให้ไอ้เรืองนึกขันในใจว่าผู้ชายคนนี้น่ะหรือที่จะมาเป็นปลัดคนใหม่ ไอ้เรืองเลยตกลงปลงใจเรียกปลัดหน้าใหม่จอมแหยคนนี้ว่า ปลัดหน้าขี้ไก่ อิทธิพลของไอ้เรืองแผ่ไปทั่วหมู่บ้าน เพราะนอกจากมันจะเก่งกล้า ฉลาด มีไหวพริบสารพัด ที่สำคัญมันยังเป็นขวัญใจของไอ้วรรณ ลูกผู้ใหญ่ผัน ถึงขนาดไอ้วรรณประกาศห้ามใครห้ามแตะต้องไอ้เรืองเด็ดขาด เพราะมันหลงรักไอ้เรืงตั้งแต่เรียนประถม แต่จนบัดนี้ขาอ่อนไอ้เรืองสักนิด ไอ้วรรณก็ไม่เคยได้เห็น ซ้ำร้ายไอ้เรืองกับไอ้วรรณ ยังเป็นคู่แข่งเรื่องขายเหล้าเถื่อนกันอีกต่างหาก จินตวัฒน์หาทางจับไอ้เรืองต้มเหล้าเถื่อนให้ได้ แต่สุดท้าย นอกจากจินตวัฒน์จะถูกไอ้เรืองตีหัวจนแตกแล้ว ไอ้เรืองยังแบกไหเหล้านีหายไปกับ “ไอ้เพี้ยน” สมุนมือหนึ่งของไอ้เรือง ต่อหน้าจินตวัฒน์อีกด้วย จินตวัฒน์ เริ่มกิจกรรมพัฒนาหมู่บ้านด้วยการจัดงานวัด โดยให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างสะพาน และขนดินเข้ามาสร้างถนนเข้าวัด ซึ่งการละเล่นต่างๆ ภายในงานก็ยังหนีไม่พ้นการพนันขันต่อเหมือนเดิม ไอ้เรืองกับไอ้วรรณ พนันกันเรื่องแข่งขี่ม้า หกไอ้เรืองชนะนอกจากได้เงินหนึ่งพันบาทแล้ว ไอ้วรรณยังต้องให้ไอ้เรืองขี่คอแห่ทั่วหมู่บ้านอีกต่างหาก หากไอ้เรืองแพ้ต้องให้ไอ้วรรณหอมหนึ่งที การแข่งขันขี่ม้าของไอ้วรรณกับไอ้เรือง มีชาวบ้านแห่มาดูกันแน่นวัด โดยมี “แม่บานชื่น” ตั้งตัวเป็นเจ้ามือคอยรับแทงพนันกันอย่างเปิดเผย ผลสุดท้ายไอ้เรืองเป็นผู้กำชัยชนะแรกทีเดียวไอ้วรรณทั้งเสียใจ เสียเงิน และเสียหน้า แต่พอนึกได้ว่าจะมีโอกาสใกล้ชิดโดยให้ไอ้เรืองขี่คอรอบหมู่บ้านมันก็ถึงกับหายเศร้า เพราะงานนี้แหละมันจะได้เห็นขาอ่อนไอ้เรืองสักทีจินตวัฒน์ไม่ชอบใจนักที่ไอ้เรืองเสียเปรียบไอ้วรรณในข้อนี้ สุด้ายไอ้เรืองจึงให้แม่บานชื่นขี่คอไอ้วรรณแทน สร้างความผิดหวังให้กับไอ้วรรณเป็นอย่างมาก ไอ้วรรณคิดแก้แค้นไอ้เรือง ด้วยการไปหาฤกษ์กับอดีต “หลวงตาคง” พี่ชายแท้ๆ ของผู้ใหญ่ผันที่ศึกออกมาจากผ้าเหลืองแล้วตั้งตนเป็นพ่อหมอประจำหมู่บ้าน เพื่อฉุดไอ้เรือง เรื่องจึงึงหูไอ้เรืองจนได้ สุด้ายคนที่ไอ้วรรณจับใส่กระสอบ หวังจะได้เข้าห้องหอด้วย ก็เลยเป็น “แม่ไหว” หมอตำแยประจำหมู่บ้านที่อายุรุ่นราวคราวแม่ไอ้วรรณนั่นเองตามแผนของไอ้เรือง ไอ้วรรณคิดไม่ตกเรื่องแม่ไหว สุดท้ายจึงหลอกผุ้ใหญ่ผันมาเข้าห้องหอแทน เป้นอันว่าสมญานามผู้ใหญ่ผันเมียสิบ ก็มาได้ด้วยเหตุอันนี้เอง ไอ้เรืองยังหาทางแก้แค้นไอ้วรรณไม่เลิก เรื่องที่วางแผนจะฉุดตน จึงชวนจิตวัฒน์ไปเผาไร่กัญชาของไอ้วรรณ ขากลับนอกจากต้องว่งหนีลูกปืนของลูกน้องไอ้วรรณแล้วไอ้เรืองยังแหย่เอารูงูจงอางเข้าจนไอ้เรืองกับจินตวัฒน์ต้องโกยกันแทบไม่ทัน จินตวัฒน์รู้สึกสนุกไม่น้อยที่ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน รวมทั้งแง่คิดของไอเรืองมากขึ้น เขาเริ่มเอ้นดูไอ้เรืองทีละนิด ทั้งยังอดคิดไม่ได้ว่า หากน้องสาวของเขาได้มาพบกับไอ้เรือง ต้องมาสมัครเป้นลูกน้องต้มเหล้าเถื่อนขายด้วยกันแน่แท้ กำนันเทิ้มถูกงูกัดตายอย่างกระทันหัน เหตุนี้เองจึงต้องมีการเลือกตั้งกำนันขึ้นมาใหม่ ไอ้วรรณเดินเครื่องสนับสนุนผุ้เป็นพ่ออย่างเต็มที่ เพื่อที่จะได้เป้นกำนัน ส่วนไอ้เรืองก็ถือหางอดีตหลวงตาคง พี่ชายร่วมสายเลือดเดียวกับผู้ใหญ่ ขึ้นเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้ง ไอ้วรรณต้องใช้เงินจำนวนมากในการจัดงานทั้งฉายหนัง มีดนตรี เพื่อหาเยงให้พ่อ ส่วนไอ้เรืองก็ใช้กลยุทธ์การเป็นนักเทศน์เก่าของหลวงตาคง หาเสียงแบบเงียบๆ เรียกคะแนนสงสารได้ไม่น้อย ไอ้เรืองตุผลกับจินตวัฒน์ในการส่งหลวงตาคงเป็นคู่แข่ง ว่าถึงแม้จะแพ้คะแนนผุ้ใหญ่ผัน แต่ก็อยากให้มีคนมาทัดทานอำนาจของผู้ใหญ่ผันเอาไว้บ้าง เพราะหากผู้ใหญ่ผันได้เป็นกำนันแล้วเอ้อประโยชน์ให้กับบรรดาญาติๆ ของเมียทั้งสิบคน มีหรือความสุขสบายจะตกถึงมือลูกบ้าน ไอ้เรืองจึงออกอุบายเรื่องทรงเจ้าเข้าผีให้ผุ้ใหญ่ผันสาบานว่า หากได้เป้นกำนันจะไม่โกงกิน มเช่นนั้นจะต้องมีอันเป็นไป ในสามวันเจ็ดวัน จินตวัฒน์ทึ่งไม่น้อยในความคิดความอ่านของไอ้เรือง ว่าความเฉลียวฉลาดนั้นไม่มีใครเกิน ซึ่งสุดท้ายผู้ใหญ่ผันก็ได้เลื่อนขั้นเป็นกำนันผัน ดังความฝันของไอ้วรรณ ลูกกำนันผันเมียสิบ ไอ้เรืองเริ่มแวะเวียนมาหาปลัดบ่อยขึ้น ทั้งี่ทงานและที่บ้าน ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน เสมือนปลัดเป้นเพื่อนเล่คนหนึ่ง ถึงแม้ไอ้เรืองจะเร่มจับสังเกตุได้ว่าแววตาที่จินตวัฒน์มองมานั้น มีความในอะไรอยู่ลึกๆ แต่ไอ้เรืองก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ซ้ยังกระซิปบอกปลัดอีกว่า พวกตัดไม้ทำลายป่า กำลังเลื่อยไม้อยู่ในป่าทั้งวันทั้งคืน แต่ตนไม่สามารถเป้นกำลังให้ปลัดได้ในงานนี้ เหตุเพราะว่าไอ้เรืองรู้จักดีอยู่กับพวกคนขับรถลากซุง จึงแนะให้ปลัดไปขอความช่วยเหลอจากไอ้วรรณ เพราะมันมีลูกน้องเยอะและชำนาญทางในป่าเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เองอีกไม่กี่วันต่อมา จินตวัฒน์ ไอ้วรรณพร้มด้วยลูกสมุน จ่าแม่น นายอำเภอ ผู้กำกับ พร้อมด้วยตำรวจอีกมาก จึงเดนทางเข้าป่าตามคแนะนำขอไอ้เรือง เพื่อไปจับพวกค้าไม้ ไอ้เรืองนั่งแทบไม่ติด เพราะงานนี้ตัวเองไม่ได้เป็นแกนนำเหมือนดั่งเคย แมม่บานชื่นไม่เข้าใจว่าที่ไอ้เรืองกระวนกระวายนั้น ห่วงไอ้วรรณจะพลาดพลั้งถูกยิง เพราะตัวนั้นแนะนำให้ไอ้วรรณนำทีมทุกคนไป รือว่าห่วงปลัดหย้าขี้ไก่ของไอ้เรืองกันแน่ ผลสุดท้ายก็คอมีการปะทะกันในป่าอย่างดุเดือด จนข่าวหนังสือพิมพ์ลงกันให้ครึกโครม พวกคนร้ายถูกตำรวจจับได้ในที่สุด จินตวัฒน์ถูกยงแค่เฉียดไป แต่กระนั้น ไอ้เรืองก็รู้สึกผิดไม่น้อย เพราะครั้งที่แล้วก็ตีหัวจินตวัฒน์แตก มาครั้งนี้ยังส่งตัวปลัดไปเสี่ยงอีก ส่วนไอ้วรรณก็เช่นกัน ต้องไปหยอดน้ข้าวต้มเสียที่โรงพยาบาลหลายวัน แต่พอไอเรืองลงทุนไปเยี่ยมไอ้วรรณที่โรงพยาบาลเท่านั้น ก็ทำเอาไอ้วรรณปลื้มเสียจนลืมตาย คุยฟุ้งปั้งโรงพยาบาลว่าไอ้เรืองเป้นแฟนมาเยี่ยม “พฤกษ์” เรียนจบกลับมาบ้าน บานชื่นกับไอ้เรืองดีใจไม่น้อย แต่พฤกษ์เองกลับเสียใจที่ปล่อยให้ไอ้เรืองต้องกลายเป็นนักเลงหัวไม้ ทำเรื่องผิดกฎหมายอยู่หลายประเภท เพื่อหาเงนส่งเสียเขาจนเรียนจบ พฤกษ์จึงขอร้องให้ไอ้เรือง เลิกทำตัวแบบนี้แล้วไปเรียนต่อสักที แถมพฤกษ์นั้นก็รู้จักกับจินตวัฒน์ เหตุที่พฤกษ์เป้นนักเรียนรุ่นน้องอขงจินตวัฒน์นั่นเอง พวกคนงานในป่ามี่หลุดรอดไป ด้อมๆ มองๆ ที่บ้านปลัดอยู่หลายวัน จนไอ้เรืองเริ่มสังเกตุได้ว่าจินตวัฒน์จะมีภัย จึงไปเตือนจินตวัฒน์ที่บ้านพัก พร้อมทั้งชวนไอ้วรรณหนีออกจากโรงพยาบาลเพื่อคุ้มกันปลัด แล้วคืนนั้นคนร้ายก็ลมือจริงๆ ไอ้เรืองกับไอ้วรรณช่วยจินตวัฒน์ยิงคนร้ายเสียหมอบ แถมยังซัดอดไปถึงหัวหน้าแก๊งค์รวบจับได้ทั้งทีม โดยความดีความชอบครั้งนี้ไอ้เรืองยกให้ไอ้วรรณรับไปเต็มๆ เพราะตนเองนั้นไม่อยากเปิดเผยตัว สุดท้ายนายอำเภอกับผู้กำกับบอกความลับให้จินตวัฒน์ได้รู้ว่า ดาวเรืองนั้นเป็นสายของตำรวจ เหตุที่จ่าแม่น เก่งมุด แกล้งทำเป็นจับไอ้เรืองขึ้นโรงพักนั้น ก็เพื่อต้องการนำตัวไอ้เรืองมาที่โรงพัก แล้วคุยเรื่องงานสายลับต่างหาก จินตวัฒน์รุ้สึกว่าตัวเองนั้นรู้ไม่เท่าทันดาวเรืองสักที งานนี้ก็เช่นกันไอ้เรืองหวังจะให้จินตวัฒน์เข้าไปจับผู้ร้ายในป่าเพื่อให้เขาได้ความดีความชอบในการทำงานนั่นเอง จินตวัฒน์ตามไปถามความจริงทุกอย่างด้วยตนเองกับไอ้เรือง ซ้ำยังบอกอีกว่าจะให้ตนเองบวชหรือแต่งงานก่อน เป็นคำถามหยั่งเชิงกับไอ้เรือง ซึ่งไอ้เรืองก็ทำเป็นไม่รับรู้ในสิ่งที่ได้ยิน เรื่องหัวใจของไอ้เรืองกับจินตวัฒน์ยังคาราคาซัง ไอ้วรรณก็ขอร้องให้ปลัดตอบแทนคุณงามความดีเรื่องที่ช่วยชีวิตพร้อมทั้งพาไปจับผู้ร้าย ด้วยการให้ปลัดเป็นผู้ใหญ่ไปสู่ขอไอ้เรือง นอกจากจินตวัฒน์จะอึ่งกิมกี่ไป ไอ้เรืองก็ผิดหวังเช่นกัน ด้วยความโกรธ ไอ้เรืองจึงบอกว่าหากพานายกมาขอได้ ก็จะยอมแต่งให้ชาติน้า ไอ้วรรณเสียอกเสียใจเพราะยังไงก็ไม่สามารถหานายกมาสู่ขอไอ้เรืองได้แน่นอน สุดท้ายจึงยอมทำใจบอกกับไอ้เรืองว่าจะขออยู่เป็นโสดไปจนตายพร้อกับไอ้เรืองนั่นเอง เหนือฟ้ายังมีฟ้า หลายเพลาผ่านไปจินตวัฒน์ก็พานายกสมาคมศพไม่มีญาติพร้อมผู้กำกับ นายอำเภอ หลวงตาคง มาสู่ขอไอ้เรือง ไอ้เรืองหมด่าเพราะตอนที่ลั่นวาจาไปนั้นไม่ได้บอกว่าเป็นนายกอะไร แถมหลวงตาคงยังบอกอีกว่า คำว่าชาติหน้านั้น คำพระถือว่า นอนหลับแล้วตื่นขึ้นมา ก็ถือว่าเป้นอีกชาติหนึ่งแล้ว สุดท้ายไอ้เรืองจึงยอมจำนนปลัดหน้าขี้ไก่ด้วยประการฉะนี้ จันทรากับโจ๋ง เตรียมตัวแทบไม่ทัน หลังจากได้รับจดหมายจากจินตวัฒน์เรื่องที่จะให้แม่ไปดูหน้าลูกสะไภ้ที่ชื่อดาวเรือง ชาวบ้านลือกันไปหลายคุ้งน้ำว่า ปลัดจินตวัฒน์ ควงสาวสวยมาโชวทั้งตลาด ซ้ำไอ้วรรณก็ยังยืนยันหนักแน่นว่าเห็นมากับตา ลมเพชรหึงขึ้นน้าไอ้เรือง ถึงขนาดร่อนไปที่บ้านปลัดพร้อมไอ้วรรณแทบไม่ทัน ครั้นรู้ว่าสาวสวยคนนั้นคือโจ๋งน้องสาวของปลัดจินตวัฒน์ ก็หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ จันทราเกลี้ยกล่อมดาวเรืองไปอยู่กรุงเทพฯด้วยกัน หากจินตวัฒนต้องย้ายไปประจำยังจังหวัดต่างๆ โดยมีอุบายขอดาวเรือไปเป็นลูก ดาวเรืองได้ทีคิดว่าครั้งนี้รอดน้ำมือจินตวัฒน์เป้นแน่แท้จึงตกลงรับคำ เพราะคนเป็นพี่น้องจะแต่งงานกันมิได้ แต่สุดท้ายจันทราก็บอกกับบานชื่นว่า จะขอไปเป็นลูกสะไภ้นั้นแหละเป็นอันว่าไอ้เรืองเสียรู้แม่ของปลัดน้าขี้ไก่แล้วนั่นเอง ในวันแต่งงานของดาวเรือง แม่ไหวเมียสบของกำนันผันก็อาสามาเป้นเพื่อนเจ้าสาวโดยไม่ต้องเชิญ เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ไอ้เรืองทำให้ตนนั้นได้เป็นเมียกำนันผัน ส่วนไอ้วรรณ แขกคนสำคัญก็มาทั้งน้ำตา พร้อมทั้งแจ้งตำรวจให้จับไอ้เรืองที่ใช้เหล้าเถื่อนเลี้ยงแขกในงานหวังจะให้เวลาส่งตัวเข้าหอระหว่างไอ้เรืองกับปลัดจินตวัฒน์ยืดออกไปอีก แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม วันเวลาผ่านไป ไอ้เรือง็หาทางแก้ลำปลัดหน้าขี้ไก่มันเรื่อยไป ถึงขนาดมีข่าวลือว่าปลัดที่นี่ชื่อดาวเรือง ส่วนเมียปลัดชื่อจินตวัฒน์ ที่สคัญเด็กสาวตาแป๋วี่ชื่อรุ่ง ทายาทของไอ้เรือง มีแววว่าจะเป็นผู้นำหมู่บ้านสืบสายเลือกผู้เป็นแม่อย่างแน่นอน
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร (2556/2013) ม.ร.ว.พุฒิภัทร จุฑาเทพ ศัลยแพทย์หนุ่มฝีมือดีผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดสมองที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์จนมีชื่อเสียงโด่งดัง เขาครองตัวเป็นโสดอย่างมั่นคง ไม่เคยวอกแวกหรือเจ้าชู้กับใคร โดยเฉพาะม.ล.มารตีที่พยายามจะทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมในฐานะว่าที่คู่หมั้น แต่คุณชายภัทรก็ไม่เคยคิดเกินเลยไปกว่าน้องสาวคนหนึ่ง ผู้หญิงในอุดมคติของคุณชายภัทรคือผู้หญิงที่เรียบร้อยเป็นแม่ศรีเรือนคอยปรนนิบัติสามี ไม่ใช่สาวเปรี้ยวอย่างมารตี และไม่คิดว่าจะมีสาวใดทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไหลหลงได้ จนกระทั่งวันหนึ่งคุณชายภัทรก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อได้เจอกับกรองแก้วผู้ประกวดนางงามศรีสยามตะลึงจนตกอยู่ในภวังค์และกลายเป็นรักแรกพบแต่ภายในใจที่ร้อนรุ่มกลับปฏิเสธเพราะนึกตำหนิว่าสตรีดีๆ ที่ไหนจะใส่ชุดว่ายน้ำอวดให้ประชาชนทั้งประเทศชมเรือนร่างของตัวเอง คงเป็นเพียงผู้หญิงที่ใช้ความสวยเพื่อแลกกับเงินเป็นค่าตอบแทนเท่านั้น คุณชายจึงได้แต่พยายามปัดความรู้สึกชื่นชมยินดีออกไป แต่เส้นทางรักก็เปิดโอกาสให้พิสูจน์เมื่อกรองแก้วได้ตำแหน่งนางงามศรีสยามและเกิดตกเวทีบาดเจ็บสาหัส คุณชายภัทรจึงถูกตามตัวให้ไปรักษานางงามคนดังโดยด่วน เมื่อทั้งคู่พบกันกรองแก้วกลับกลายเป็นนางงามที่เอาแต่ใจไม่ยอมให้เย็บแผล ทำให้คุณชายภัทรเคืองที่คนไข้ดื้อดึงอย่างไร้เหตุผล ในที่สุดคุณชายก็พาไปเย็บแผลจนสำเร็จ รุ่งเช้าอิงอรคนที่พากรองแก้วเข้าประกวดกับสุนันท์ลูกสาวรีบมารับตัวแก้วกลับ แต่แก้วกลับอิดออดไม่อยากออกจากโรงพยาบาลและแกล้งพลัดตกเตียงจนแผลที่เย็บฉีกขาดอีกครั้ง เดือดร้อนคุณชายภัทรกลับมาดูอาการและสงสัยว่าแก้วอาจมีเรื่องปิดบังเพราะทำท่าไม่อยากจะออกจากโรงพยาบาลและหาทางอยู่ต่อด้วยวิธีทำร้ายตัวเองแบบนี้ คุณชายจึงคาดคั้น แก้วก็ยังไม่บอกเพียงแต่ขอร้องให้คุณชายช่วยให้เธอได้อยู่โรงพยาบาลนี้ต่อไปอีกหนึ่งคืนเท่านั้น คุณชายภัทรจึงจำใจบอกกับทางอิงอรว่าแก้วอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบจึงต้องอยู่ดูอาการ อิงอรจึงต้องจำยอมกลับไป ขณะอยู่โรงพยาบาลแก้วได้โทรศัพท์หากิตติผู้เป็นพ่อแต่กิตติกลับล้มลงหมดสติขณะคุยโทรศัพท์ ทำให้แก้วต้องหาทางกลับบ้านไปหาพ่อที่ป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง คุณชายภัทรรู้เรื่องจึงอาสาพาไปส่งที่อยุธยาบ้านเกิดของแก้ว และได้รับกิตติกลับมาเป็นคนไข้รักษาตัวที่พระนคร ทำให้แก้วปลาบปลื้มใจมาก และได้เล่าความจริงที่เธอต้องแกล้งตกเวทีการประกวดและหาทางให้ตัวเองเจ็บตัวเพื่ออยู่โรงพยาบาลต่อเพราะเธอมีปัญหาชีวิตอย่างหนัก แก้วไม่มีเงินรักษาพ่อที่ป่วยหนักจึงต้องเข้าประกวดนางงามเพื่อนำเงินไปเป็นค่าผ่าตัด และเธอแอบได้ยินอิงอรผู้ส่งเข้าประกวดจะขายเธอให้กับนายพลพินิจผู้มีอิทธิพลทางทหารในขณะนี้และเป็นผู้มีกิตติศัพท์เรื่องมีอนุภรรยาเป็นนางงามมากมาย จึงอยากได้ตัวแก้วหลังจากประกวดเสร็จ แก้วไม่อยากเป็นนางบำเรอของนายพลจึงหาวิธีต่างๆ ที่จะเลี่ยงไปกับอิงอรด้วยการทำให้ตัวเองบาดเจ็บเพื่อรักษาตัวที่โรงพยาบาล คุณชายภัทรรู้ความจริงก็นึกนิยมในความกตัญญูของแก้ว และความมีศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงที่ไม่คิดจะสุขสบายด้วยการเอาตัวเข้าแลก เขาจึงพาแก้วไปฝากไว้กับม.ล.เกษราที่ได้แต่งงานแยกมาอยู่กับชินกรแต่ก็ยังทำกิจการขนมต่อจนเจริญรุ่งเรือง เกษรายินดีรับแก้วอยู่ด้วยถึงแม้ลึกๆ จะเกรงใจมารตีน้องสาวที่อาจจะเคืองถ้ารู้ว่าให้ความช่วยเหลือแก้วที่เป็นเสี้ยนหนามหัวใจของเธอ แต่เกษราก็ไม่มิอาจปฏิเสธคุณชายภัทรได้ ส่วนแก้วตัดสินใจเข้ารายงานตัวกับกองประกวดเพื่อปฏิบัติหน้าที่ หลังเลิกงานตอนเย็นแก้วก็กลับมาช่วยเกษราทำขนม ทำให้เกษราและแก้วสนิทสนมกันดี และยอมรับว่าแก้วเป็นคนดีไม่เหมือนอย่างที่มารตีใส่ไคล้ไว้ จนกระทั่งแก้วต้องไปงานลีลาศการกุศล อิงอรกับสุนันท์วางแผนลักพาตัวแก้วไปให้นายพลพินิจในคืนนี้ แก้วจึงถูกจับตัวไปแต่ยังดีที่คุณชายภัทรมาช่วยไว้ทัน และพาแก้วหนีไปบ้านพักตากอากาศที่หัวหินเพื่อหลบซ่อนตัว แต่การมาอยู่สองต่อสองทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะคุณชายภัทรรู้ใจตัวเองแน่แล้วว่าหลงรักนางงามศรีสยามจนถอนใจไม่ขึ้น ด้านอิงอรกลัวนายพลโกรธจึงใส่ร้ายคุณชายภัทรว่าเป็นคนลักพาตัวแก้วหนีไปโดยที่แก้วไม่ยินยอมและแก้วยังต้องการมาปรนนิบัติรับใช้นายพล และขอให้ออกตามหาทั้งคู่กลับมา นายพลหูเบาเชื่อตามที่อิงอรบอก แต่ก็ถูกใจสุนันท์ด้วยจึงทาบทามได้มาเป็นอนุภรรยาอีกคน คุณชายภัทรกับแก้วอยู่หัวหินอย่างมีความสุข แต่ก็ตกใจสุดขีดเมื่อเขาตื่นขึ้นมาตอนเช้า เจอกับย่าอ่อนและคุณชายรัชชานนท์กับคุณชายพีร์ที่ยืนจ้องอยู่อย่างขบขัน ทั้งหมดมาที่นี่จากการฟ้องของมารตี ย่าอ่อนโวยวายจนจะเป็นลมเมื่อเห็นหลานชายนอนกอดกับนางงามศรีสยามอยู่ริมระเบียง ทำให้คุณชายภัทรถูกคาดโทษอย่างรุนแรงว่าคบผู้หญิงต่ำศักดิ์ คุณชายภัทรปกป้องแก้วว่าไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าที่เห็น ย่าอ่อนไม่เชื่อให้เลิกรากับแก้วทันที แต่คุณชายภัทรผู้อ่อนโยนและเคยอยู่ในกรอบอันดีงามกลับไม่ยอมทำตามและยังดื้อพาแก้วกลับพระนครอีกด้วย ย่าอ่อนเสียใจที่หลานรักต้องเสียคนเพราะผู้หญิงสกุลต่ำคนเดียว แก้วกลุ้มใจที่กลายเป็นคนทำให้คุณชายภัทรกับย่าอ่อนต้องผิดใจกันเธอจึงจะลากลับไปอยุธยา แต่คุณชายภัทรผู้มีศรรักปักอกเริ่มออกอุบายให้แก้วกับเขาแสดงบทคู่รักกำมะลอเพื่อแก้ปัญหาให้มารตีเลิกยุ่งกับเขา และนายพลพินิจจะได้ไม่ต้องการแก้วเป็นอนุภรรยาอีก เพราะเป็นที่รู้กันว่านายพลจะไม่บังคับใจใครถ้ามีคนรักอยู่แล้ว คุณชายภัทรหว่านล้อมจนแก้วยอม แต่หม่อมย่าเอียดพอรู้เรื่องนี้ถึงขั้นตัดย่าหลานถ้าคุณชายภัทรยังไม่เลิกรากับนางงามศรีสยามคนใจง่ายอีก คุณชายภัทรจึงตัดสินใจแอบพาแก้วไปจดทะเบียนสมรส แต่แก้วปฏิเสธ ในที่สุดก็เลี่ยงความหวังดีของคุณชายไม่ได้ แก้วจึงมีเงื่อนไขถ้าทุกอย่างเรียบร้อยลงตัวจะหย่ากันทันที คุณชายภัทรตกลงแต่ก็แอบน้อยใจไม่ได้ว่าแก้วไม่ได้มีความรักให้เขาเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ต่างกับมารตีที่กลุ้มใจเรื่องคุณชายที่หลงรักแก้วจนไม่สนใจใยดีเธอ จึงออกไปดื่มเหล้าเมามายและเจอกับนายพลพินิจจนพลาดท่าเสียทีให้กับนายพล พอมารตีรู้ความจริงก็เสียดายความสาวแต่เมื่อรู้ว่าคนที่ร่วมเตียงคือนายพลผู้ยิ่งใหญ่ก็หวังจะใช้ประโยชน์ให้กำจัดกรองแก้วจนได้ มารตีจึงยุกรองแก้วให้นายพลโดยกุเรื่องว่าแก้วอยากมารับใช้นายพล ทำให้นายพลคิดว่าคุณชายภัทรเป็นเสี้ยนหนามคอยขัดขวางไม่ให้แก้วมาหาตน มารตีจึงรีบจัดการวางแผนให้แก้วออกมาหาและหลอกว่าย่าเอียดป่วยหนักจึงรีบพากันไปเยี่ยม แต่มารตีกลับพาตัวไปที่บ้านนายพล แต่บังเอิญนายพลไม่อยู่กว่าจะกลับก็ค่ำ แก้วจึงถูกขังไว้ที่ห้องและบังคับให้เขียนจดหมายลาคุณชายภัทรกลับอยุธยาเพื่อไม่ให้สงสัยว่าแก้วหายไป คุณชายภัทรเห็นลายมือแล้วรู้สึกชอบกลเพราะยุ่งเหยิงไม่ใช่วิสัยของแก้ว เขาจึงเอะใจว่าแก้วอาจถูกลักพาตัวไปให้ท่านนายพล จึงขอร้องให้คุณชายรณพีร์กับพรรคพวกช่วยพาเข้าไปที่บ้านพักของนายพล คุณชายภัทรจึงปลอมตัวเป็นคนขับรถและช่วยแก้วออกมาจนได้ นายพลกลับมา รู้เรื่องโกรธจัดส่งคนมายิงคุณชายภัทรบาดเจ็บ ยังดีที่ไม่โดนจุดสำคัญจึงผ่าตัดรอดพ้นมาได้ แต่ก็ทำให้แก้วรู้สึกผิดว่าได้สร้างเรื่องวุ่นวายให้กับคุณชายภัทรมากมาย และตัวเองก็เป็นหญิงสาวต่ำต้อยไม่คู่ควรกับคุณชายภัทรจึงเขียนจดหมายลากลับอยุธยา ส่วนคุณชายปวรรุจทราบเรื่องก็เดินทางกลับจากสวิสฯ และพาคุณชายภัทรกับพี่น้องคนอื่นๆ ไปขอขมานายพลและใช้วาทะของนักการทูตเล่าความจริงทุกอย่าง ทำให้นายพลตาสว่างที่คิดว่าแก้วสมัครใจจะมาอยู่กับตน ที่แท้เป็นเพราะอิงอรกับมารตีคอยยุยงให้เข้าใจผิดมาตลอด นายพลจึงยกโทษให้คุณชายภัทร และจะไม่ข้องเกี่ยวกับแก้วอีก คุณชายภัทรจึงไปอยุธยาตามหาแก้วที่บ้าน ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน ส่วนหม่อมย่าเอียดบังเอิญรู้ความจริงจากการพลั้งเผลอของมารตีเองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้แก้วถูกจับตัวไป จึงรังเกียจนิสัยมารตี และมองแก้วด้วยใจเป็นกลางมากขึ้น และเมื่อได้คลุกคลีกับแก้วระยะหนึ่งก็ทำให้รู้ชัดว่าชาติกำเนิดไม่ได้ทำให้คุณค่าของคนต่ำต้อยลงแต่การกระทำต่างหากที่ต้องนำมาพิจารณา เพราะแก้วนอกจากรูปงามแล้วยังเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมด้วยกิริยามารยาทและจิตใจดี เป็นแม่ศรีเรือนที่ทำอาหารและขนมเก่งจนน่ายกย่อง ย่าเอียดจึงอนุญาตให้ทั้งคู่แต่งงานอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ธรณีนี่นี้ใครครอง (2555/2012) อาทิจ นักศึกษาจากวิทยาลัยเกษตร เรียนจบชั้นอนุปริญญา เขาตัดสินใจไม่เรียนต่อ เพราะต้องการเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ของตนได้เรียนบ้าง อาทิจเป็นลูกชายคนโตในครอบครัว โดยมีประวิทย์ ผู้เป็นพ่อข้าราชการชั้นผู้น้อยที่มีลูกมากถึงสิบคน แต่อาทิจไม่คิดที่จะทำงานราชการ เขาใฝ่ฝันที่จะมีที่ดินเป็นของตัวเองสักแปลง และใช้วิชาความรู้ทั้งหมดที่ได้เรียนมาให้เกิดประโยชน์ พ่อจึงส่งตัวเขากลับไปหา ย่าแดง เพื่อไถ่โทษที่ในอดีตประวิทย์ ซึ่งเป็นลูกชายคนโตจากพี่น้องยี่สิบคน ได้ขโมยเงินย่าแดงหนีออกจากบ้านเพราะไม่ต้องการทำงานหนักในไร่ ย่าแดงยินดีต้อนรับอาทิจ เพราะลูกหลานทั้งหมดต่างก็เป็นหลักเป็นฐานไปหมดแล้ว ไม่มีใครรับช่วงต่องานที่มีมหาศาลในไร่ อาทิจทำงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน เพราะย่าแดง ได้ให้ทุนการศึกษาสำหรับน้องอาทิจ และอาทิจระลึกอยู่เสมอว่าเป็นการทำงานใช้หนี้สำหรับอดีตที่พ่อทำไว้ และปัจจุบันที่ย่าแดงให้ทุนการศึกษาน้องสาวเขาถึงสองคน อาทิจได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากย่าแดง หลังจากที่ย่าแดงทดสอบ และไว้ใจในความมุมานะ มักน้อยของอาทิจ จึงมอบที่ดินที่ยังไม่ได้บุกเบิกให้อาทิจจำนวนหนึ่ง ทำให้อาทิจกลายเป็นหลานคนโปรดของย่าแดง ดรุณี น้องสาวคนสุดท้องของย่าแดง จึงมีศักดิ์เป็นย่าของอาทิจ แต่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดต่อย่าแดง ปักหลักเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอาทิจ เพราะความอิจฉากลัวว่าอาทิจจะมาแย่งความรักของย่าแดงไปจากตน ด้านอาทิจก็ไม่ยอมลงให้ดรุณี ย่าแดงปวดหัวไม่น้อยเมื่อทั้งคู่ตอบโต้กันทุกครั้งที่มีโอกาส อาทิจตั้งใจทำงานพัฒนาไร่สวน ตามหลักวิชาการที่ได้เรียนมา แต่เพราะความมีอุดมการณ์ไฟแรงทำให้พลาดจนได้ อาทิจขุดหน่อกล้วยป่ามาปลูกในไร่ที่บุกเบิกใหม่ โดยที่ดรุณีไม่ยอมบอกกล่าว ทักท้วงแถมยังกำชับคนงานไม่ให้พูด หวังจะให้อาทิจเสียหน้าในตอนจบ การณ์เป็นเช่นนั้นจริง อาทิจตรอมใจหนัก ตั้งใจเมาประชดชีวิต เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองเสียท่า ทองประศรี ลูกสาวเจ้าของร้านขายของชำ และได้โวยวายว่าอาทิจข่มขืน จนเรื่องลุกลามใหญ่โต ย่าแดงพยายามช่วยเหลืออาทิจเต็มที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ดรุณี เริ่มรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้อาทิจป่วยหนัก ย่าแดงจึงลงโทษดรุณีให้ต้องดูแลอาทิจอย่างใกล้ชิด แต่ถึงขนาดนั้นทั้งคู่ก็ไม่วายปะทะคารมณ์ต่อกัน ถึงแม้จะเป็นการทำลับหลังย่าแดงเพียงเสี้ยววินาที เมื่ออาทิจอาการดีขึ้น ความเก่าก็รุกเข้ามารุมเร้า ทองประศรีเข้ามาบังคับให้อาทิจรับตัวเองเป็นเมีย ย่าแดงจัดการตามสมควรแก่ฐานะ ทองประศรีได้ลูกยุจากพ่อแม่ทำทุกวิถีทาง แม้กระทั่งขนของมาอยู่กับอาทิจ ทำให้อาทิจหนีหน้าทองประศรี ไม่มีแม้กระทั่งความคิดจะอยู่ร่วมบ้าน อาทิจไม่เคยสนใจทองประศรีเลย จนกระทั่งทองประศรีตั้งท้อง ชีวิตของอาทิจและดรุณี เหมือนพระอาทิตย์กับพระจันทร์ ยากที่จะโคจรมาพบกัน อาทิจปลีกตัวเองไปทำงานสวนอีกแห่ง แทบจะไม่รู้ความเป็นไปของครุณีเลย จนกระทั่งย่าแดงเสียชีวิต เวลาผ่านไปหลายปี ความสัมพันธ์แบบเด็กผู้ปกครองทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกัน แปลกๆ ตอบโต้กันแบบพ่อแง่แม่งอน ต่างคนต่างก็ทำทุกอย่างในกรอบตามที่ย่าแดงสั่งเสียเอาไว้ เวทางค์ ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของอาทิจชอบดรุณี อาทิจทั้งที่ไม่ชอบเวทางค์ แต่ก็พยายามสนับสนุนจนกลายเป็นประชดประชัน ขณะเดียวกันดรุณีคิดว่าอาทิจเสือกใสไล่ส่ง เมื่อเรียนจบดรุณีได้พาเพื่อนสาวตุลยานี มาเที่ยวไร่ตั้งใจจะชักนำให้ตุลายานีชอบพอกับอาทิจ ความใกล้ชิดของอาทิจและตุลายานี ทำให้ดรุณีเกิดความรู้สึกประหลาดกับตัวเอง แต่ก็ทำหน้าชื่นยินดีในสนับสนุนทั้งสองให้ลงเอยกัน แต่เรื่องราวของอาทิจกับตุลยานีต้องพังทลาย เพราะทองประศรี ได้กลับมาอาละวาดอ้างตัวว่าเป็นเมียอาทิจ ตุลยานีรู้สึกเสียหน้ามากรีบกลับกรุงเทพไปทันที อาทิจตรอมใจล้มป่วยเพราะถูกงูกัด ดรุณีดูแลอาทิจจนแผลหายดีเป็นปกติ อาทิจเริ่มรู้สึกต่อดรุณีด้วยก้นบึ้งของหัวใจ แต่ทั้งคู่ก็พยายามจับคู่ให้กันและกันอยู่นั่นเอง น้าแก้วรู้ว่าคุณย่าต้องการให้ทั้งสองคนลงเอยกัน จึงได้วางแผนการลับสุดยอดให้อาทิจกับดรุณี สารภาพความในใจต่อกัน จนในที่สุดอาทิจก็รู้ใจตัวเองแล้วว่ารักดรุณี อาทิจสัญญาว่าจะอยู่กับดรุณี ร่วมกันสร้างและดูแลผืนดินของคุณย่าให้อุดมสมบูรณ์ และจะรักดรุณีน้อยคนนี้ตลอดไป
4 หัวใจแห่งขุนเขา ดวงใจอัคนี (2553/2010) ดวงใจอัคนี ความบาดหมางของสองตระกูลที่ถ่ายทอดจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูกทำให้อัคนีและอัจจิมาเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อทั้งคู่เข้ามาบริหารฟาร์มโคนมของตนซึ่งมีเพียงรั้วไม้สีขาวกั้นอาณาเขต การปะทะคารมอย่างรุนแรงจึงเกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ แท้จริงแล้ว ภายใต้ท่าทีอันแข็งกร้าวของทั้งสองคนนั้นซ่อนความห่วงใยซึ่งกันและกันไว้ แต่แล้วเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็นำพาให้ทั้งคู่ได้เผยความรู้สึกต่อกัน ติดอยู่ที่ก้างชิ้นใหญ่คือพ่อของฝ่ายหญิงที่ไม่ยอมละทิฐิยอมรับว่าที่ลูกเขยคนนี้แล้วอัคนีจะทำเช่นไร เพื่อให้ได้ดวงใจที่เขาแสนรักมาครอบครอง
ไทรโศก (2553/2010) ผืนดินสองพันไร่กลายเป็นมรดกเลือดที่ต้องสาบผู้คนแห่งบ้านไทรโศกถึงสามรุ่น เพราะความมักมากในทรัพย์สินและกามารมณ์ จาก พระยาธีระรัตน์ ผู้เป็นเจ้าบ้านจนกลายเป็นอัมพาต กิติ ทายาทผู้เดียวที่เป็นใบ้เพราะถูกวางยาพิษ จนถึง ยิ่งยง หนุ่มอาภัพผู้เติบโตมาโดยไม่รู้กระทั่งชาติกำเนิดของตน และตกเป็นเป้าสังหารของบรรดาผู้คนที่หมายปองมรดกแห่งไทรโศก
ผู้ใหญ่ลีกับนางมา (2552/2009) เป็นเรื่องราวของ มาลินี เป็นนางแบบที่สวย มีแฟนชื่อว่า ประดิษฐ์ เป็นคนเจ้าชู้ จนทำให้มาลินีจับได้ มาลินีจึงโกธรมาก วันหนึ่ง มาลินีได้รับจดหมายของคุณยายวัน มาลินีไม่สนิทกับคุณยายของเธอ ในขณะที่เธอได้อ่านจดหมายคุณยายวันได้ตายไปแล้ว โดยคุณยายวันให้ไปรับมรดกบ้านกับที่ไร่นาหลายร้อยไร่ คุณยายของเธอมีความประสงค์ให้มาลินีไปทำไร่นาแทนท่าน และห้ามไม่ให้หลานให้คนอื่นเช่าทำเด็ดขาด หรือถ้าคิดจะขายก็ให้ขายกับผู้ใหญ่ลีคนเดียว ห้ามขายให้กับคนอื่นเช่นเดียวกัน มาลินีได้แปลกว่าผู้ใหญ่ลีนั้นเป็นใคร ผู้ใหญ่ลี หรือ ลีนวัตร เป็นผู้ที่คุณนายวันให้ความรักและความเอ็นดูเป็นอย่างมาก คุณนายวันได้คอยสนับสนุนให้เรียนต่อและเรียนที่สูงๆ จนทำให้ลีนวัตรเป็นผู้ใหญ่ลีต่อจากพ่อของลีนวัตร มาลินีมาถึงบ้านคุณยาย จึงรู้ว่าคุณยายตายมาได้สองอาทิตย์แล้ว โดยผู้ใหญ่ลีเป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่าง แต่มาลินีเพิ่งได้รับจดหมายของคุณยายเมื่อไม่กี่วัน ชาวบ้านจึงได้ตำหนิ มาลินีจึงโกรธผู้ใหญ่ลีเป็นอย่างมาก ปื๊ด เป็นเด็กกำพร้าที่ผู้ใหญ่ลีเก็บมาเลี้ยง ได้รับมอบหมายจากพ่อผู้ใหญ่ให้คอยดูแลมาลินี แต่มักจะคอยเก็บข้อมูลในตัวมาลินีมาบอกผู้ใหญ่ทุกเรื่อง ผู้ใหญ่ลี ได้ปลอมตัวเป็นนายเหว่าเป็นคนขับรถไถนาให้ผู้ใหญ่ลี มาลินีประทับใจเป็นอย่างมาก จนกระทั่ง ถูกเปิดเผยว่านายเหว่านั้นคือผู้ใหญ่ลี ในงานบรรจุเก็บศพของคุณนายวันที่วัด ทำให้มาลินีโกธรมาก แต่ผู้ใหญ่ลีต้องมาคอยดูแลช่วยเหลือเรื่องการงานทุกอย่างของมาลินี วันหนึ่ง ประดิษฐ์ซึ่งรู้ว่ามาลินีมาอยู่ที่นี่ และรู้ว่ามาลินีให้ไปรับมรดกของคุณยายมากมาย จึงเดินทางมาหามาลินีหวังจะขอคืนดี แต่มาลินีไม่ยอมคืนดีด้วย เพราะไม่ได้ขยันทำมาหากินและช่วยเหลือสังคม ปทุม ลูกสาวของผู้ใหญ่โหมด ที่ชอบผู้ใหญ่ลีอย่างมาก แต่ผู้ใหญ่ลีก็ไม่เคยสนใจปทุมเลย ปทุมจึงร่วมมือกับประดิษฐ์ วางแผนกัน โดยให้ประดิษฐ์หลอกให้มาลินีมาพบที่กระท่อมกับที่ปทุมเองก็แอบมาดักรอพบผู้ใหญ่ลีที่กองฟางเช่นเดียวกัน ในตอนค่ำ ฝนตกหนัก ไฟก็ดับ ผู้ใหญ่ลีเดินมาพบมาลินีเสียก่อน จึงไปหลบฝนที่บ้านมาลินี ผู้ใหญ่ลีก็หมั้นหมายมาลินีด้วยแหวนอีกหนึ่งวง ผู้ใหญ่ลีสัญญาว่า หากบวชแล้วสึกออกมาเมื่อไหร่ จะแต่งงานกับมาลินีทันที ทั้งประดิษฐ์และปทุมต่างรอมาลินีกับผู้ใหญ่ลี ทั้งคู่ต้องเข้าไปหลบฝนในกระท่อมอันมืดมิด ประดิษฐ์เข้าใจว่าปทุมเป็นมาลินีจึงปลุกปล้ำจนได้ พอตื่นเช้ามาจึงได้รู้ว่าตนเข้าใจผิดแต่ก็ได้ปทุมเป็นเมียเสียแล้ว ผู้ใหญ่ลีก็เข้าพิธีอุปสมบท ระหว่างที่บวชนั้น ประดิษฐ์ได้แอบพาฉลวย น้องสาวของผู้ใหญ่ลีอีกคน เข้ากรุงเทพฯ ไปถ่ายโป๊ พอดีมาลินีรู้ข่าวเสียก่อน จึงไปตามไปช่วยฉลวยได้ทัน พระผู้ใหญ่ลีเองก็มากับปื๊ด เพื่อมาช่วยฉลวยอีกแรง พระผู้ใหญ่ลีให้ฉลวยกลับไปเรียนที่บ้านตัวเอง อย่ามาดิ้นรนเพื่อจะเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ฉลวยสำนึกผิด ยอมกลับบ้านแต่โดยดี ฉลวยก็กลับมาเรียนหนังสือที่ต่างจังหวัด ไม่ไปกรุงเทพฯอีกแล้ว ปทุมมีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ผู้ใหญ่โหมดเข้าใจผิดคิดว่าผู้ใหญ่ลีเป็นพ่อของเด็กในท้อง จึงตั้งใจจะศึกพระให้ได้ แต่เมื่อความจริงเปิดเผยมาว่า ประดิษฐ์คือพ่อของเด็กในท้อง ประดิษฐ์กลายเป็นลูกเขยของผู้ใหญ่โหมดอย่างจำยอม แต่เขาก็ต้องจำยอมเพราะรู้ดีว่า หากไม่ยอมรับปทุมเป็นเมีย ประดิษฐ์ต้องถูกผู้ใหญ่โหมดเอาตายอย่างแน่นอน ประดิษฐ์ก็รับกรรมที่ก่อไป ผู้ใหญ่ลีสึกออกมาในที่สุด ผู้ใหญ่ลีจึงขอมาลินีแต่งงานในที่สุด ความรักของทั้งสองกำลังเบิกบานในทุ่งนาของคุณนายวัน ที่มอบไว้เป็นสมบัติให้กับมาลินี ผู้ใหญ่ลีกับนางมาจึงได้ครองคู่กันในที่สุด
อเวจีสีชมพู (2551/2008) โปดก ต้องรีบเดินทางกลับมาดูใจ ถมปัด ( แม่ของ ปะวะหล่ำ ) เป็นครั้งสุดท้าย เพราะถมปัดถูกลอบยิงอาการโคม่า ถมปัดสั่งเสียก่อนสิ้นลมด้วยความเป็นห่วง ปะวะหล่ำ ให้โปดกช่วยแต่งงานกับปะวะหล่ำลูกสาวคนเดียวของเธอ เพราะถมปัดรู้ดีว่านี่คือทางเดียว ที่จะช่วยให้ปะวะหล่ำรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกา โดยเฉพาะ ศพล ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอเอง ศพลต้องการฮุบที่ดินสวนส้มจำนวนมหาศาล โดยอาศัยความเป็นพ่อ และเบื้องหลังความตายของถมปัดก็คือศพลนั่นเอง จ้างมือปืนมาเก็บถมปัด ฐาปนา ( ตาของปะวะหล่ำ ) พยายามขัดขวางการแต่งงานของโปดกกับปะวะหล่ำ เพราะคิดว่าโปดกต้องการที่จะมาครอบครองสมบัติทั้งหมด ติดตามต่อได้ใน อเวจีสีชมพู
รักเล่ห์ เสน่ห์ลวง (2550/2007) ภูวิชกับพิวัฒน์ เป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน พ่อของทั้งคู่คือตะวัน แต่คนละแม่กัน ภานีเป็นแม่ของภูวิช พรรณราย เป็นแม่ของพิวัฒน์ ภูวิชเกลียดพ่อที่ทิ้งแม่ไปอยู่กับพรรณราย ที่กรุงเทพ ทำให้ภานี ต้องก้มหน้า เลี้ยงดูภูวิชอยู่ที่เชียงใหม่ โดยมีเภาพี่ชายของภานีเป็นคนช่วยเลี้ยงดูภูวิช ภานีเป็นผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ พรรณราย กับตะวันได้หมั้นหมาย จารุลินทร์กับพิวัฒน์ เพราะหวังพึ่งให้ฝ่ายหญิง มาช่วยกู้กิจการ ที่กำลัง จะล้มละลายแต่พิวัฒน์ไม่สามารถแต่งงานได้ เนื่องจากประสบอุบัติเหตุ จนทำให้ตาบอด จึงของความ ช่วย เหลือจาก ภานีให้ภูวิชช่วยแต่งงานแทนพิวัฒน์ ภูวิชกับพิวัฒน์หน้าตาคล้ายกันมากราวกับฝาแฝดแต่มีนิสัยต่างกัน ภูวิชโตมากับลุงเภาพี่ชายของภานี เขาจึงได้นิสัยที่ก้าวร้าวมาจากเภา ส่วนพิวัฒน์ได้ถูกเลี้ยงดูให้มีนิสัยที่สุภาพเรียบร้อย ภูวิชกับพิวัฒน์ รักและสนิทกันมาก ภูวิชไม่ยอมแต่งงานแทนพิวัฒน์ เพราะเขาเกลียดพรรณรายมาก แต่พิวัฒน์ขอร้องให้ภูวิชช่วย โดยภูวิชมีข้อแม้ว่าพิวัฒน์ต้องปลอมตัวเป็นภูวิชไปอยู่ที่ไร่แทนเขา ดาวฤกษ์เป็นลูกสาวของนางกับนายเภา นางถูกเภาทิ้ง หลังจากที่นางท้อง นางจึงต้องหอบลูกเข้ากรุงเทพ ไปเลี้ยงคนเดียว ก่อนตายนางได้ให้หนังสือฉบับหนึ่งกับดาวฤกษ์ โดยมีข้อความว่า ดาวฤกษ์เป็นลูกของเภา และในจดหมายยังมอบที่ดินไว้ให้หนึ่งแปลง ดาวฤกษ์นำจดหมายไปที่ไร่ เพื่อหวังว่าจะได้พบกับพ่อ แต่เมื่อไปถึงกลับถูกเภาปฎิเสธ ดาวฤกษ์เสียใจมาก แต่ก็ไม่ท้อ ดาวฤกษ์จึงสร้างบ้านเล็กๆ ที่อยู่ในบริเวณไร่นั้น ดาวฤกษ์ต้องปรับตัวกับทีนี่มาก เธอจึงเป็นหญิงที่เข็มแข็ง ภานีนั้นเอ็นดู และเชื่อว่าดาวฤกษ์เป็นลูกของเภา และอยากให้ภูวิชกับดาวฤกษ์ลงเอยกัน แต่ภูวิชเกลียดดาวฤกษ์มาก ภูวิชปลอมตัวเป็นพิวัฒน์ และได้พบกับจารุลินทร์ ในวันแรกที่สองคนเจอกันภูวิชแกล้งจารุลินทร์ จารุลินทร์แปลกใจว่าพิวัฒน์เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้จารุลินทร์ คิดว่าที่พิวัฒน์เป็นแบบนี้ เพราะเขาได้รับอุบัติเหตุสมองกระทบกระเทือน การวางตัวของจารุลินทร์ทำให้ภูวิชเริ่มมีความรู้สึกที่ดีด้วย ผิดกับที่ภูวิชคิดไว้ว่าจารุลินทร์อยากแต่งงานมาก ภูวิชจึงเร่งที่จะแต่งงานกับจารุลินทร์ โดยเร็ว เพราะกลัวว่าวันหนึ่งจารุลินทร์ จะจับได้ว่าภูวิชไม่ใช่พิวัฒน์ โดยภูวิชพยายามจะทำทุกอย่าง เพื่อให้จารุลินทร์รัก พิวัฒน์ได้เดินทางกลับมาที่บ้านไร่เชียงใหม่ของภูวิช โดยมีภานีและเภาเท่านั้น ที่รู้เรื่องการสลับตัว ภานีบอกกับดาวฤกษ์ และทุกคนว่าภูวิชเดินทางไปกรุงเทพ และได้รับอุบัติเหตุสมองกระทบกระเทือน การกลับมาของภูวิชครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะภูวิชเปลี่ยนเป็นคนที่ใจเย็นมากขึ้น ดาวฤกษ์จึงเริ่มชอบภูวิช ส่วนพิวัฒน์ต้องปรับตัวอย่างมาก เขาไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในไร่ ดาวฤกษ์ไม่เคยรังเกียจพิวัฒน์ ที่ตาบอด พิวัฒน์จึงรู้สึกประทับใจดาวฤกษ์ และพิวัฒน์ก็รู้ว่าที่ดาวฤกษ์ทำดีเพราะคิดว่าตนเป็นภูวิช ในที่สุดภูวิชในชื่อพิวัฒน์ก็ได้แต่งงานกับจารุลินทร์ ภูวิชกับจารุลินทร์ไปฮันนีมูนที่บ้านไร่เชียงใหม่ ด้วยความใกล้ชิด ทำให้ทั้งคู่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ดาวฤกษ์นั้นเต็มใจเพราะเข้าใจตลอดเวลาว่าพิวัฒน์คนนี้คือภูวิช ภูวิชกับลุงเภามาหาพิวัฒน์ที่เชียงใหม่ เพราะลุงเภาเป็นห่วงดาวฤกษ์ แต่เมื่อเภารู้ว่าดาวฤกษ์กับพิวัฒน์ได้เสียกันแล้ว เภาก็ต่อว่าดาวฤกษ์ที่ใจง่าย และเมื่อดาวฤกษ์ได้เจอตัวจริงของภูวิช ดาวฤกษ์ได้เห็นการแสดงออกของภูวิช ดาวฤกษ์ก็ช็อกเพราะดาวฤกษ์จำนิสัยของ ภูวิชได้ ความลับจึงถูกเปิดเผย ดาวฤกษ์เสียใจมากที่ถูกหลอกและต้องเสียตัวให้กับพิวัฒน์ พิวัฒน์จะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ดาวฤกษ์ไม่ต้องการ ดาวฤกษ์ต้องการที่จะแก้แค้นภูวิช จึงเปิดโปงความจริง ที่ทั้งสองคนสลับตัวกันให้จารุลินทร์ทราบจารุลินทร์เสียใจมาก จึงหนีกลับกรุงเทพด้วยความชอกช้ำ และพิวัฒน์ก็เริ่มมองเห็นลาง ๆ จากการที่ของตกใส่ในคืนที่ทะเลาะกับดาวฤกษ์ แต่พิวัฒน์ยังทำเฉย เพราะกลัวว่าถ้าดาวฤกษ์รู้ ดาวฤกษ์จะไม่เห็นใจ พิวัฒน์จึงตัดสินใจกลับกรุงเทพ เพื่อรักษาตา และไปพบกับจารุลินทร์ เพื่อขอโทษกับเรื่องทั้งหมด พิวัฒน์ขอให้จารุลินทร์อภัยภูวิช เนื่องจากเขาตาบอด จึงขอให้ภูวิชแต่งงานแทน แต่เพราะแค้น ดาวฤกษ์จึงบอกจารุลินทร์ว่า ภูวิชกับดาวฤกษ์มีอะไรกันแล้ว จารุลินทร์จึงยิ่งโกรธภูวิชขึ้นไปอีก ดาวฤกษ์สะใจที่เห็นภูวิชทุรนทุราย แต่แอบเสียใจที่ถึงยังไงภูวิชก็ยังไม่ใยดีกับเธอ พิวัฒน์กลับมาเชียงใหม่ และภูวิชได้อธิบายเรื่องทั้งหมด แต่พิวัฒน์ไม่สนใจ ขอให้ทุกคนลืมเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น และขอให้ภูวิชกับดาวฤกษ์เลิกจองเวรต่อกัน พิวัฒน์กลับมาขอดาวฤกษ์อยู่ด้วย แต่ยังไม่ยอมบอกว่าตาของเขามองเห็นแล้ว เภาได้ตักเตือนดาวฤกษ์ว่าให้รักคนที่เขารักเราดีกว่า ในที่สุดดาวฤกษ์ก็เริ่มเปิดใจยอมรับพิวัฒน์ขึ้นมาบ้าง ภูวิชตามมาขอโทษจารุลินทร์ และกลับมาทำงานที่กรุงเทพต่อ จารุลินทร์จึงใจอ่อน ส่วนพิวัฒน์ก็ขอดาวฤกษ์แต่งงาน ดาวฤกษ์ตกลง เพราะถึงพิวัฒน์จะตาบอด แต่เขาก็มีความรักให้เธอเต็มหัวใจ ผิดกับภูวิชชายที่ดาวฤกษ์หลงรักมาตลอด แต่ภูวิชไม่เคยมีใจให้ดาวฤกษ์เลย แม้แต่นิดเดียว เมื่อถึงวันแต่งงาน พิวัฒน์บอกกับดาวฤกษ์เกี่ยวกับเรื่องตาของเขาที่มองเห็น เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานให้กับดาวฤกษ์ ติดตามชม รักเล่ห์เสน่ห์ลวง
เรือนรักเรือนทาส (2549/2006) จำลอง หญิงสาวที่เป็นลูกสาวของนักร้องลำตัดชื่อดัง ต้องกลายมาเป็นทาสขัดดอกพร้อมกับ ก้อย พี่ชายในเรือนของ นพ เพราะพ่อของทั้งคู่เสียการพนัน พ่อแม่ของเธอจมน้ำตายก่อนจะมาไถ่ตัวทั้งคู่ไป นพหวังจะเอาจำลองมาเป็นอนุอีกคนแต่จู่ๆ จำลองก็ตั้งท้องขึ้นมา นพสอบสวนจำลองอย่างหนัก โดยมี น้อม ผู้เป็นน้องชายและ ฉายแสง น้องสะใภ้อยู่ด้วย แม้จะถูกเฆี่ยนตีอย่างหนักจำลองไม่ปริปากพูดถึงพ่อของเด็กแม้แต่น้อย จำลองสิ้นใจในวันที่คลอดลูกสาวออกมาโดยทิ้งปริศนาชาติกำเนิดของลูกสาว และทิ้งสมบัติเพียงชิ้นเดียวคือพระพุทธรูปห้อยคอเอาไว้ให้ลูกของตน เมื่อ จำเรียง แตกเนื้อสาวก็ได้รู้เรื่องราวของจำลองแม่ของตนจากลุงก้อย และถูกสอนให้รักนวลสงวนตัวอย่างทำตัวเหมือนแม่ แต่เพราะ พัฒน์ ลูกชายคนเดียวของนพหมายปองในตัวจำเรียง ทั้งคู่ต่างมีใจให้กันและจำเรียงรักพัฒน์จนยอมมอบร่างกายและหัวใจให้พัฒน์ ทั้งคู่แอบนัดพบกันโดยมี มิตร หัวหน้าช่างประจำโรงเหล็กเป็นคนช่วยเหลือ มิตรยอมรับตรงๆ ว่าแอบรักจำเรียง แต่มิตรเต็มใจที่จะหยุดความคิดนั้นเมื่อเจ้านายหมายปอง ฉุน หัวหน้าทาสเรือนนพเป็นคนคอยดูแลความสงบของเรือนทาส ลับหลังฉุนชอบลวนลามทาสสาวๆ และชอบแทะโลมจำเรียง มิตรปกป้องจำเรียงทุกครั้งที่ฉุนจะลวนลามทำให้ทั้งคู่เป็นศัตรูกัน ความรักของพัฒน์และจำเรียงกำลังหวานชื่น แต่แล้วพัฒน์ก็ถูกสั่งให้ไปเมืองน่านกะทันหันเพื่อไปรับตัว โฉมฉาย ลูกสาวของน้อมและฉายแสงมาอยู่อยุธยาสักระยะ เพื่อหวังจะให้ออกห่างจากคนเลี้ยงช้างที่โฉมฉายสนิทสนมเป็นพิเศษ ก่อนเดินทางพัฒน์อดเป็นห่วงจำเรียงไม่ได้จึงสั่งให้มิตรดูแลเป็นอย่างดี มิตรรับคำจะปกป้องจำเรียงด้วยชีวิต การเดินทางไปเมืองน่านเต็มไปด้วยความยากลำบากและใช้เวลานานแรมเดือน ตั้งแต่พัฒน์ไปถึงเมืองน่านโฉมฉายเอาอกเอาใจพัฒน์เป็นพิเศษ อีกทั้งยังทำตัวสนิทสนมจนพัฒน์อึดอัดใจ โฉมฉายออกอุบายต่างๆ ให้พัฒน์สนใจ แต่ด้วยความรักมั่นที่มีต่อจำเรียงทำให้พัฒน์ไม่เคยเผลอใจแม้สักครั้ง ช่วงเวลาที่พัฒน์ไปเมืองน่านจำเรียงเริ่มมีอาการแพ้ท้องจนผู้คนทั่วไปเริ่ม ลือ มิตรรู้ว่าเด็กในท้องจำเรียงต้องเป็นลูกของพัฒน์อย่างแน่นอน แม่ของพัฒน์ให้ฉุนเอาจดหมายไปส่งที่ชัยนาทเพื่อสู่ขอ แววตา ลูกสาวของพี่ชายเป็นสะใภ้ ระหว่างเดินทางกลับอยุธยาโฉมฉายเป็นไข้ป่า พัฒน์จึงต้องแวะที่ชัยนาทบ้านของปู่กับย่าเพื่อรักษาโฉมฉาย และเค้าก็ได้เจอกับแววตาที่นั่นเอง โฉมฉายทำตัวสนิทสนมกับแววตาเพราะมีแผนในใจ เมื่อฉุนกลับมาจากชัยนาทก็รู้ข่าวเรื่องจำเรียงท้อง จึงนำเรื่องไปบอกนพให้สั่งลงโทษข้อหาที่สมสู่กับทาสด้วยกันจนท้อง มิตรออกรับแทนเพื่อปกป้องเมียนายของตนไม่ให้เจ็บตัว แต่ทั้งสองก็ไม่พ้นผิดต่างก็ถูกลงโทษ แต่พอพัฒน์กลับมามิตรกับจำเรียงก็พ้นข้อครหาพัฒน์บอกฉุนว่าจำเรียงท้องกับตน และให้ฉุนสาบานว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร แต่ตอนที่อยู่ที่อยุธยาโฉมฉายและ เรือนแก้ว คนสนิทออกเที่ยวเตร่ทุกวันโดยมีฉุนดูแล ฉุนมีความสัมพันธ์กับเรือนแก้วเพราะหวังเข้าถึงโฉมฉาย ฉุนขอตามโฉมฉายกลับเมืองน่านและบอกความจริงที่พัฒน์เป็นพ่อของเด็กในท้อง จำเรียง ตั้งใจสร้างรอยแค้นแก่โฉมฉาย นวลได้รับข่าวว่าแววตาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน มีเพียงโฉมฉายที่รู้ว่าเป็นเพราะยาพิษที่ตนวางเพราะต้องการให้แววตาตาย ฉุนออกอุบายเพื่อแก้แค้นมิตร ขณะที่โฉมฉายต้องการล้างแค้นจำเรียงโดยจับจำเรียงไปมัดไว้ในโรงเหล็ก ตบตีและหวังจะทำให้เสียโฉม แต่ก็พลาดไปโดนเรือนแก้วแทน แต่มิตรและสาหร่ายรู้ทันในอุบายจึงมาช่วยได้ทัน น้อมและโฉมฉายเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่มิตรกลับเล่าความจริงทั้งหมดให้นพฟังโดยไม่พาดพิงถึงโฉมฉายเลย พัฒน์จึงแสดงน้ำใจโดยการไถ่ตัวมิตรกับสาหร่ายเป็นอิสระ พัฒน์บอกกับนพว่าตนเป็นพ่อของลูกในท้องจำเรียง และยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ หนึ่งใบ ซึ่งจำเรียงบอกว่าหล่นมาจากโฉมฉายที่โรงเหล็กและจำเรียงก็เก็บไว้ได้ ข้อความในนั้นบอกว่าน้อมคือพ่อของจำเรียง ปมปริศนาเรื่องใครเป็นพ่อของจำเรียงก็ถูกเปิดเผย นพทราบเรื่องจึงบอกน้องชายน้อมทราบเรื่องก็ยอมรับแต่โดยดี ขณะที่ฉายแสงโกรธมากและต่อว่าน้อมอย่างหนัก น้อมทนไม่ได้จึงไล่เมียและลูกไปอยู่เมืองน่าน สุดท้ายโฉมฉายสำนึกผิดขอให้จำเรียงอโหสิให้ซึ่งจำเรียงก็ยินดี มิตรและสาหร่ายก็ได้รับการไถ่ตัวพร้อมได้รับของขวัญพิเศษจากพัฒน์ จำเรียงแต่งงานกับพัฒน์แล้วคลอดลูกอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวของตนอย่างมี ความสุข
โบสีชมพู (2547/2004) โบว์ สาวสวยพนักงานต้อนรับที่สปอร์ตคลับแห่งหนึ่ง อาศัยอยู่ในบ้านเช่า กับภรณี เพื่อนสนิทและเด็กชายนนท์ หลานชายสุดที่รัก คนภายนอกมักมองเธอว่าชอบคบหาแต่ผู้ชายรวยๆ เพื่อหวังจะแต่งงานด้วยแต่สาเหตุที่แท้จริง เป็นเพราะจันทร์ทิรา พี่สาวเพียงคนเดียวของเธอผิดหวังในความรัก จึงต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลโรคจิต ทิ้งหลานไว้ให้เธอดูแล ทำให้เธอไม่คิดที่จะเชื่อใจผู้ชายคนไหนเลย ในความคิดของเธอเงินเท่านั้นที่จะบันดาลให้ทุกอย่างเป็นจริง สุรยุทธิ์เพื่อนบ้านซึ่งแอบรักโบว์อยู่เข้าใจตัวเธอทุกอย่าง เพราะความที่มีผู้ชายมากหน้าหลายตามาจีบเธอ รวมถึงวีรศักดิ์ นักพนันตัวยง นอกจากนี้ยังมีเทียนชัย นักธุรกิจใหญ่ที่หมายมั่นปั้นมือจะแต่งงานกับเธอให้ได้ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องตลึงเมื่อรู้ว่า ธีระเดช ชายหนุ่มที่กำลังมาติดพันเธอนั้นเป็นลูกชายของเทียนชัยนั่นเอง กฤชพล ทายาทหนุ่มลูกเจ้าของโรงแรมใหญ่ เป็นอีกคนที่ไม่เชื่อในรักแท้เนื่องจากแม่ของเขาทิ้งพ่อไปมีรักใหม่จนพ่อต้องตรอมใจกฤชพลและชนาภาพี่สาวของเขาจึงต้องบริหารโรงแรมแทนพ่อ กฤชพลได้รู้จักกับโบว์ในวันที่เทียนชัยไปขอเธอแต่งงานที่สปอร์ตคลับ เรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้นเมื่อธีระเดชเดินทางมาที่สปอร์ตคลับเช่นกัน ทำให้โบว์ต้องรีบวิ่งเข้าไปหลบในห้องน้ำ แต่กลับเป็นห้องน้ำชายซึ่งทำให้เธอได้เจอกับกฤชพล ซึ่งเดินออกจากห้องน้ำโดยที่ลืมแหวนเพชรเอาไว้ โบว์เห็นเข้าจึงลองหยิบมาสวมดู ปรากฎว่าถอดไม่ออก พอดีกฤชพลเดินย้อนกลับมาถามหาแหวนเพชรแต่โบว์ปฏิเสธ ทำให้ทั้งคู่เกิดปากเสียงกันขึ้น ธีระเดชเข้ามาพอดี และบอกกับกฤชพลว่าโบว์กำลังจะเป็นเจ้าสาวของเขา ยิ่งทำให้กฤชพลมั่นใจว่าโบว์ต้องเป็นนักต้มตุ๋นอย่างแน่นอน
เจ้านายวัยกระเตาะ (2546/2003) มาลาหรือพริม เด็กสาววัย 16 ปี ที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่ไม่เคยได้รู้ถึงชีวิตของโลกภายนอกเลย เพราะอยู่แต่ในรั้วโรงเรียนประจำ และได้รับการเลี้ยงดูจากป้าอิ่ม แม่นมมาโดยตลอด ผิดกับจู้หมอนวดสาวรุ่นพี่ที่ต้องดิ้นรนทุกวิถีทาง เพื่อที่จะให้ชีวิตของตัวเองอยู่รอดไปวัน ๆ ถึงแม้ว่าโลกของทั้งสองคนจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ว่าโชคชะตา ก็นำพาให้ทั้งคู่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เมื่อจู้วิ่งหนีนักเลงที่ตามมาทวงหนี้แล้วเผอิญวิ่งเข้าไปชนกับรถของพริม ด้วยความที่อ่อนต่อโลกของพริมเขาจึงเชื่อคำพูดของจู้ ว่าหนีการตามล่าของแม่เลี้ยงที่จะช่วงชิงสมบัติจากเธอ พริมจึงนึกสงสาร จึงชวนให้จู้มาอยู่ที่บ้านของตัวเอง แต่ได้รับการคัดค้านจากป้าอิ่มกับสหัสชัยหรืออวบ นายตำรวจหนุ่มที่ลาออกจากราชการมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเธอ แล้วชีวิตของพริมก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อรตีผู้เป็นแม่และเมษผู้เป็นพ่อได้หายสาบสูญไปอย่างลึกลับ พริมจึงต้องปลอมตัวเป็นมาลาตี พี่สาวของเธอซึ่งกำลังศึกษาต่ออยู่เมืองนอกเข้าไปบริหารงานในบริษัทแทน โดยมีจู้ในนามจูเลียเป็นที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิดให้กับเธอ จึงทำให้เป็นที่สงสัยของหลาย ๆ คนในบริษัท แม้แต่มงคลน้องชายต่างมาดาของรตี ที่ต้องการ ที่จะมานั่งเก้าอี้ประธานบริษัท ก็หมั่นไส้มาลาตีและจูเลีย ที่กลายมาเป็นเสี้ยนหนามนัญญา ซึ่งเป็นเมียลับ ๆ ของมงคลจึงหาทางกลั่นแกล้ง จูเลียกับมาลาตีทุกวิถีทาง โดยได้รับความร่วมมือจากมินนี่ เลขาสาวของอาชวินที่แอบหลงรักอาชวิน อยู่ตลอดเวลา และไม่พอใจที่อาชวินให้ความใกล้ชิดกับมาลาตีมากกว่าตนเอง ส่วนก่อเกียรติผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่คลับคล้าย คลับคลาว่าเคยเห็นจูเลียที่โรงนวดชั้นดีที่ตัวเขาเองคยไปใช้บริการ รวมทั้งฤทธิ์ เรืองเดช ผู้จัดการโครงการด้านงานต่างจังหวัดก็รู้สึกว่าคุ้นหน้าจูเลียแต่ว่านึกไม่ ออกว่าเคยเจอที่ไหน ผิดกับจู้ที่รู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าเคยหลอกฤทธิ์ เข้าม่านรูดแล้วฉกเอาเงิน ในกระเป๋าฤทธิ์ไปเสียหมดตัว มาลาในคราบมาลาตี ถูกอาชวินด่าว่าเธอเป็นเพียงเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เธอทั้งโกรธและเจ็บใจจึงพยายามที่จะทำตัวเป็นสาวให้ อาชวินเห็น โดยได้รับการสอนจากจู้ทุกอย่าง จนอาชวินเผลอจูบมาลาเข้าอย่างเผลอตัว แต่มาลาถึงกับเป็นลมล้มลงไป ด้วยความอ่อนต่อโลกของเธอ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ภายในบริษัทจะวุ่นวายไม่หยุดหย่อน แต่มาลากับจูเลียก็เริ่มได้ใจของพนักงานทีละน้อย เขาทั้ง 2 จึงกลายเป็นขวัญใจของพนักงานในเวลาต่อมา สร้างความขัดใจให้กับมงคล นัญญา ก่อเกียรติ และมินนี่เป็นอย่างมาก วันหนึ่งก็เกิดเหตุที่ทำให้มาลาและอาชวินต้องใกล้ชิดกันเพื่อร่วมมือแก้ ปัญหาโรงงานที่ต่างจังหวัดเกิดมีปัญหา มาลาพยายามแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่อาชวินเคยพูดกับเธอว่าเล่นขายของ จนในที่สุดคนงานก็ยอมกลับมาทำงานอีกครั้ง ในที่สุดอาชวินจึงต้องหันกลับมามองเธอด้วยความนับถือ หลังจากนั้นความรักระหว่างเขาและเธอก็เริ่มก่อตัวขึ้น ทุกอย่างเริ่มจะลงตัว แต่จู่ ๆ รตีกับเมษ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด หลังจากที่ทั้งสองไปตกระกำลำบากอยู่กับชาวบ้านในป่า เนื่องจากเป็นแผนการของชัยยศ อดีตพนักงานของบริษัท ที่ผูกใจเจ็บ รตีกับเมษ ครั้งที่เขาโดนไล่ออกจากงาน โดยมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง นั่นก็คือนัญญาที่สั่งการให้ชัยยศกำจัดทั้งสองคน เพื่อที่ตนเองและมงคลจะได้ก้าวขึ้นเป็นใหญ่ในบริษัท รตีกับเมษได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของคนจน ได้รู้ถึงน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ระหว่างเพื่อนมนุษย์ ซึ่งเป็นอีกโลกหนึ่งที่ทั้งสองไม่เคยได้สัมผัสมาเลยตลอดชีวิต การกลับมาของทั้งสอง รวมทั้งมาลาตี ขณะเดียวกันก็ทำให้ อาชวินรู้ความจริงว่าผู้หญิงที่เขารักคือมาลา น้องสาวของมาลาตี ไม่ใช่เด็กสาวที่เขาเคยผูกพันในวัยเด็กแต่อย่างใด สร้างความโกรธและช้ำใจให้กับอาชวินเป็นอย่างมาก สุดท้ายรตีกับเมษจะกลับเข้ามาบริหารบริษัทอย่างไร แล้วจะมีวิธีจัดการนัญญากับชัยยศได้หรือไม่ ความลับของจู้จะถูกเปิดเผย หรือเปล่า หัวใจของอวบจะต้องสับสนเพียงใด เมื่อได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วจู้เคยทำอาชีพอะไรมาก่อน และอาชวินจะทำอย่างไรกับหัวใจของตัวเอง ระหว่างมาลาตีสาวน้อยที่เขาเคยมีหัวใจผูกพัน กับมาลาเด็กสาวเจ้าเสน่ห์ที่เขาตกหลุมรักเข้าให้แล้ว/
เรื่องย่อ : วิวาห์สลับรัก (2545/2002) ครอบครัวของนาย ไชยยศ และ ดาวเรือง มีความเป็นอยู่อย่างไม่ค่อยราบรื่นนัก เพราะไชยยศมีนิสัยติดเหล้าและการพนัน ไชยยศมีลูกสาวสองคน คือ”นภัส”และ”นลิน” ไชยยศมีหนี้สินการพนันมากมาย เมื่อพบกับ”อวัช”หนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจตระกูลธุวา-นนท์ ไชยยศและอวัชจึงเจรจาแลกเปลี่ยนกัน โดยไชยยศจะยกนภัสให้เป็นเจ้าสาวของ”ธนายุต”น้องชายที่มีขาพิการของอวัช และอวัชจะยอมชดใช้หนี้พนันให้กับไชยยศ ไชยยศรับข้อเสนอโดยไม่รู้เลยว่าเจ้าบ่าวในอนาคตของลูกสาวของตนมีขาพิการ สาเหตุที่อวัชต้องหาเจ้าสาวให้น้องสาวของตนนั้น เนื่องมาจากเขาต้องการกีดกันความ รักของ ธนายุตกับ “นันทิกานต์” แฟนสาวผู้เป็นบุตรสาวของนักการเมืองที่มีชื่อเสียง เสียหาย ในการคอร์รัปชั่น และยังเป็นต้นเหตุทำให้ธนายุตมีขาพิการจากอุบัติเหตุทาง รถยนต์อีกด้วย นภัสจำใจต้องแต่งงานกับธนายุต โดยแท้ที่จริงเธอมีแฟนหนุ่มที่คบหา อยู่แล้ว คือ”ดิลก”จากนั้นงานแต่งงานของนภัสกับ ธนายุตถูกจัดขึ้นอย่างไม่ใหญ่โต นภัส กับธนายุตตกลงกันว่า จะใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสามีภรรยาเพียงแต่ในนาม เพราะทั้งคู่ต่าง ก็มีคนรักของตนอยู่แล้ว นภัสสัญญาว่าจะช่วยให้ธนายุตสมรักกับนันทิกานต์ให้จงได้ ส่วนอวัชนั้น ตัวเขาเองก็มีความรู้สึกแปลก ๆ กับนภัส เขารู้สึกพอใจในตัวเธอไม่น้อยเลยทีเดียว นับแต่วันที่พบกันครั้งแรก ทั้ง ๆ ที่ตัวอวัชเองก็มี “ปวิตรา” นางแบบสาวที่คอยตามตื๊อเขาอยู่ ตลอดนอกจากอวัชจะกีดกันความรักของน้องชายตนเองแล้ว เขายังขัดขวางความรักของ น้องสาวอีกคนคือ”ธีรดา”ที่มีแฟนหนุ่มคือ”เจนธรรม” อวัชไม่อยากให้ธีรดาคบหากับเจน ธรรมเนื่องจากการที่เขามีหนี้สินล้นตัว นภัสเป็นผู้หญิงที่มีนิสัยรักความยุติธรรมสูง เธอจึง พยายามช่วยเหลือน้องทั้งสองของอวัชให้สมหวังกับคนรักของตัวเอง โดยช่วยเหลือให้ ธนายุตพบกับนันทิกานต์บ่อย ๆ และโน้มน้าวให้ธีรดามีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ไม่อ่อนข้อกับ พี่ชายของตนง่าย ๆ และจากการที่ช่วยเหลือคู่ของธนายุตและนันทิกานต์ บ่อย ๆ เข้า ทำให้เธอสนิทสนมกับ”พงศ์ผลิน”พี่ชายของนันทิกานต์ จนอวัชออกอาการ หึงหวงจนออกนอกหน้าดิลกยังทำใจเรื่องนภัสไม่ได้ เขาดื่มเหล้า จนเมามาย ธีรดาได้ พบกับดิลกโดยบังเอิญ เพราะจำได้ว่าเขาเป็นคนรักเก่าของนภัส จึงขับรถพาไปส่งที่ บ้านและเริ่มทำความรู้จักตั้งแต่นั้นมา เจนธรรมขอธีรดาแต่งงาน แต่ธีรดายังลังเลอยู่ เพราะรู้ว่าพี่ชายของตนไม่ชอบเจนธรรม แต่เมื่อถูกรุกหนัก ๆ เข้า ธีรดาใจอ่อนยอมตกลง แต่งงานกับเจนธรรม เมื่ออวัชตระหนักว่าน้องทั้งสองไม่เชื่อฟังตนเหมือนแต่ก่อน จึง กล่าวโทษนภัสว่าเป็นตัวการ ขากลับจากงานเลี้ยง นภัสนั่งรถมากับอวัช อวัชขับรถด้วยอาการมึนเมาจึงประสบอุบัติเหตุ นภัสได้รับบาดเจ็บ เมื่อนั้นเองที่อวัชได้ เรียนรู้และเข้าใจความรู้สึกของธนายุต ว่าการที่คนรักเจ็บตัว กลับยิ่งสร้างความเป็นห่วงและความผูกพันให้กัน และกัน และตอนนั้นเองที่เขาได้รู้ความรู้สึกของตนเองที่มีต่อนภัส แต่กระนั้นเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ปวิตราหึงหวงอวัช มากขึ้นไปอีก เธอพยายามจับผิดอวัชและนภัสพร้อมทั้งกล่าวว่านภัสอย่างรุนแรงที่มายุ่งกับคน รักของเธอ เมื่อธีรดา แต่งงานไปแล้ว เจนธรรมก็ขอเงินธีรดาไปใช้กับการพนันเสียส่วนใหญ่ ธีรดาเริ่มรู้สึก ถึงความผิดปกติของเจนธรรม ก่อนหน้านั้นปวิตราก็ไปขอคำปรึกษาเรื่องอวัชกับเจนธรรม ในขณะที่เจนธรรมอยู่ในอาการมึนเมาทั้งคู่จึงมีความ สัมพันธ์กัน โดยที่ธีรดาไม่รู้เรื่อง ส่วนธนายุต เมื่อเห็นว่าอวัชมีท่าทีอ่อนลงมาก จึงไปปรึกษาเรื่องหย่าร้างกับนภัส เพื่อไปแต่งงานกับนันทิกานต์ อวัชตอบตกลง พอ นภัสรู้ถึงความสำเร็จที่ตนทำจึงดีใจมาก อวัชจึงกล่าวหาด้วยความ หึงหวงว่านภัสดีใจเพราะจะได้ไปแต่งงานกับพงศ์ผลินแทน อวัช ต้องการจะประชดนภัสโดยขอปวิตราแต่งงาน หากแต่ยิ่งเข้าใกล้งานแต่งงานของ ตนมากเท่าใด อวัชยิ่งรู้สึกอึดอัดและรู้ใจตนเองว่ารักนภัสเข้าแล้ว ส่วนธีรดาก็ประสบกับ ปัญหาในชีวิต เจนธรรมประสบปัญหาเรื่องหนี้สินจนเครียดและอารมณ์เสียกลับบ้านอยู่ ตลอด วันหนึ่งธีรดาได้ยินเจนธรรมพูดโทรศัพท์กับปวิตราว่าเขาแต่งงานกับธีรดาเพียง เพราะเงิน ธีรดาเสียใจมากร้องไห้เสียใจจนเป็นลม เมื่อดิลกผ่านเข้ามาพบจึงพาไปอยู่ที่บ้าน ตนและบอกนภัสให้ทราบ เมื่อธีรดาพบอวัชก็กล่าวขอโทษที่ไม่เชื่ออวัชตั้งแต่แรก เจนธรรม รู้ว่าธีรดาอยู่ที่บ้านแล้วจึงรีบตามไปพบ แต่ธีรดาเปิดเผยความจริงทั้งหมด ที่ตนรู้ เจน ธรรมไม่สามารถโต้เถียงได้จึงยอมกลับไปแต่โดยดี เหตุการณ์ ทั้งหมดผ่านไปด้วยดีเหลือเพียงแต่ปวิตราที่ยังจะเร่งเร้าอวัชให้เขาแต่งงาน กับเธอ อวัชสารภาพ ความในใจของตนเองที่มีต่อนภัสอย่างหมดใจ และธนายุตยืนยันว่าเขากับนภัสไม่เคยมีความสัมพันธ์ใด ๆเกินเลย ทั้งสองแสดงความรักต่อกัน ปวิตราเห็นเข้า จึงกลับไปด้วยหัวใจบอบช้ำ เมื่อกลับไปก็เจอเจนธรรมมาขอเงิน โดย ขู่ว่าถ้าเธอไม่ให้จะเปิดโปงความลับที่ทั้งสองเคยมีความสัมพันธ์กัน ปวิตราโกรธแค้นจึงใช้มีดแทงเจนธรรมจนตาย มรสุมชีวิตได้ผ่านไปจนหมด สิ้น ธนายุตได้ครองรักกับนันทิกานต์สมความตั้งใจ ส่วนอวัชก็สลับรักกับน้องชายตน เอง วิวาห์กับนภัสและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป
เรื่องย่อ : ขอหยุดหัวใจไว้เพียงเธอ (2544/2001) สหฤทธิ์ (จอนนี่ แอนโฟเน) นักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอม เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าใหญ่และธุรกิจเรียลเอสเตท แม้เขาจะมีสาว ๆรุมตอมมากมายแต่เขาไม่เคยหยุดหัวใจไว้ที่ใคร วันหนึ่งเขามีนัดกับ รศนา (ชลิดดา พานิชการ) นางแบบชื่อดัง ในงานแฟชั่นโชว์ เห็น จุลเกศ (รินลณี ศรีเพ็ญ)นางแบบใหม่ของโก้ เจ้าของห้องเสื้อชั้นนำสวยสะดุดตาจึงขอให้รศนาช่วยติดต่อให้ รศนารับปากโดยขอรางวัลเป็นแหวนเพชร เกศเป็นนักศึกษาศิลปกรรมที่ต้องหารายได้เลี้ยงตัวเองเพราะกำพร้าแม่ พ่อมีแม่เลี้ยงอยู่บ้านนอก มีป้ายอด (โฉมฉาย ฉัตรวิไล) เพื่อนของเจ้าของอพาร์ตเมนต์ ช่วยให้ที่อยู่ฟรี วรพร (กนกพร โลศิริ) นางแบบที่อยู่อพาร์ตเมนต์เดียวกัน ชักชวนให้เกศเป็นนางแบบรู้สึกเป็นห่วงเกศ เกรงว่ารศนาจะทำตัวเป็นเอเย่นต์ติดต่อให้ศุภกิจ (โอลิเวอร์ พูพาร์ท)เสี่ยเจ้าของผับที่เป็นสปอนเซอร์วรพรอยู่นาถมณี (นิออน อิศรา) ญาติผู้พี่ของฤทธิ์ทั้งยังเป็นเมียของวิษาณ (สิรคุปต์ เมทะนี) เพื่อนสนิทของฤทธิ์ระแคะระคายว่าวิษาณแอบไปมีเมียน้อยเป็นนักศึกษา คือนริสา (ดุสิตา อนุชิตชาญชัย) แต่นาถมณีเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกศ จึงมาอาละวาดจนกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ปณัติ (พิเชษฐ์ไชย ผลดี) เพื่อนนักศึกษาที่แอบรักเกศอยู่รู้สึกผิดหวังในตัวเธอ รวม ทั้งป้ายอด และชิดชาติ (สุเชาว์ พงษ์วิไล) พ่อของเกศ ฤทธิ์ไปจ้างให้เกศเลิกติดต่อวิษาณ เกศโกรธมาก วิษาณรู้ว่านาถมณีไปอาละวาดผิดตัว ฤทธิ์โล่งใจที่เกศไม่ได้เป็นเมียน้อยวิษาณ นริสาขอโทษเกศที่ตนเป็นต้นเหตุให้เกศต้องเสียชื่อ วิษาณแก้ข่าวให้เกศ เสี่ยศุภกิจเชื่อว่าข่าวต้องมีมูลจึงติดต่อขอเลี้ยงเกศ แต่เกศปฏิเสธ ศุภกิจขอวรพรให้ช่วยติดต่อเกศให้นภีร์ ช่างภาพหนุ่มมีชื่อติดต่อให้เกศไปถ่ายแบบปกคู่กับรศนาที่ระยอง รศนาเล่นตัว แต่นภีร์ก็ถ่ายเกศเดี่ยวลงปกจนเกศดัง งานของเกศมีมากขึ้นจนไม่ค่อยมีเวลาให้เพื่อน ๆ ปณัติบ่นน้อยใจจนนริสาน้อยใจปณัติอีกต่อ เพราะเธอแอบสนใจปณัติ เกศหางานให้นริสาโดยผ่านวรพร วรพรพานริสาไปฝากกับศุภกิจซึ่งรีบรับไว้เพื่อเย้ยวิษาณในบรรดาเพื่อนหญิงของ ฤทธิ์นั้น เชย่า (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) ไปกันได้ดีกับฤทธิ์เพราะรักอิสระพอกัน มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน แต่ไม่ผูกพันกัน เชย่าคบทั้งฤทธิ์และศุภกิจฉันชู้สาวจนนายพลระอาในความประพฤตของลูกสาวมาก อยากให้แต่งงานกับ สุทิน (สมเจตน์ สอาด) ท.ส.ของเขา ต่อมา เกศระอาวงการนางแบบเลยขอลาออกพร้อม ๆ กับนริสาก็ลาออกจากงานที่ทำอยู่กับศุภกิจ มาคิดกันจะเพ้นท์เสื้อผ้าขายในสวนจตุจักร ติดอยู่ที่ค่าเซ้งแพงมาก นภีร์ขอร่วมทุนโดยไปขอกู้บ.ก.มาให้บ.ก.แนะนำให้เปิดบู๊ธในห้างสรรพสินค้า เพราะราคาพอกัน ขายได้ทุกวันจึงเปิดบู๊ธสำเร็จและมีปณัติกับนริสามาช่วย ฤทธิ์มารับส่งเกศที่ห้างฯ ทุกวัน เกศเตือนให้ปณัติ หันมาสนใจนริสา เชย่าไปบอกนายพลว่าเธอโดนฤทธิ์ทิ้งทั้ง ๆ ที่มีอะไร ๆ กันแล้ว อาจจะแต่งงานกับศุภกิจเพื่อประชดให้สะใจคุณหญิงขอให้นายพลช่วยพูดกับฤทธิ์ เพราะไม่ชอบศุภกิจนายพลของให้ฤทธิ์แต่งงานกับเชย่า แต่ฤทธิ์ขอตกลงกับเชย่าเอง นายพลกลับไปอย่างเคียดแค้น วางแผนกำจัดฤทธิ์กับเกศ โดยส่งมือปืนมายิงฤทธิ์เจ็บเพราะขวางร่างเกศเอาไว้ เกศหยุดเรียนมาเฝ้าพยาบาลอย่างใกล้ชิด ฤทธิ์หายแล้วแต่ให้หมอสรยุทธ์ช่วยหลอกว่าเขามีโรคแทรกซ้อนจะมีชีวิตอยู่ได้ ไม่นาน อยากให้เกศตามไปพยาบาลที่บ้านด้วย เกศรักและสงสารฤทธิ์มากแอบลาออกจากมหาวิทยาลัยและเลิกขายของเพื่อมาดูแล ฤทธิ์และใจอ่อนยอมได้เสียกันนาถมณีไปเล่าให้เชย่าฟัง เชย่าตัดสินใจแต่งงานกับศุภกิจ แต่ทะเลาะกันทุกวันจนศุภกิจเบื่อแอบมาหารศนาฤทธิ์หึงทั้งปณัติและนภีร์จึง ต่อว่าเกศจนเกศเป็นลม เกศจึงคิดว่าฤทธิ์แกล้งหาเหตุที่จะทิ้ง เธอเลยออกจากบ้านไปดูแลอพาร์ตเมนต์แทนป้ายอด ฤทธิ์ไปตามหาเกศจนเจอและขอแต่งงานแต่เกศไม่แต่งด้วย ฤทธิ์เสียใจจึงทำตัวเสเพลเที่ยวดื่มจนเมามายไม่ได้สติไปเจอกับเชย่า รศนาเห็นฤทธิ์ออกไปพร้อมกับเชย่าจึงโทรให้ศุภกิจตามรถเชย่าไปดู ศุภกิจบุกห้อง โรงแรมเจอ เชย่าอยู่กับชายชู้ ก็ยิงทั้งชายชู้ตายและเชย่าบาดเจ็บสาหัสศุภกิจหลบหนีไป ตำรวจพบว่าชายชู้คือสุทินส่วนเชย่ากลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไม่สามารถให้การกับตำรวจศุภกิจจึงลอยนวลอยู่ได้โดยให้รศนาเป็นพยานว่าเขา อยู่กับเธอทั้งคืน แต่นายพลปักใจว่าเป็นฝีมือศุภกิจที่จริงในคืนเกิดเหตุฤทธิ์ออกมาเจอหมอ สรยุทธิ์ที่ตามมาเพื่อจะบอกว่าเกศท้อง แต่ไม่ยอมให้หมอบอกฤทธิ์ เกศเป็นห่วงฤทธิ์ ย้อนกลับไปจะถามหมอเรื่องโรคแทรกซ้อนไปเจอแต่พยาบาลซึ่งเผลอบอกว่าตามรายงาน การตรวจไม่พบโรคแทรกซ้อนอะไร เกศโกรธฤทธิ์ที่ให้หมอหลอกเธอ เมื่อฤทธิ์กับหมอไปตามเกศปรากฏว่าเกศหนีไปที่อื่น นายพลมาโนชวางแผนโทร.ไปบอกศุภกิจว่าเชย่าอาการดีขึ้นแล้ว พร้อมจะให้การได้ ศุภกิจร้อนใจรีบขับรถจะไปพบเชย่า เจอสิบล้อโผล่มาขวาง หักหลบเบรกไม่อยู่เพราะโดนแอบตัดสายเบรกจึงชนต้นไม้ไฟลุกท่วมรถตายฤทธิ์ออก ตามหาเกศจนหัวปั่นบังเอิญเจอนภีร์และแอบสะกดรอยตามไปจนเจอเกศที่บ้านต่างจัง หวัดของนภีร์ ฤทธิ์พยายามจะปรับความเข้าใจกับเกศ แต่เกศไม่ฟังแถมขับรถหนีจนประสบอุบัติเหตุปางตาย ในขณะที่ทุกคนยินดีกับการที่ ปณัติลงเอย กับนริสา ฤทธิ์ได้รับข่าวร้ายที่สุดจากหมอสรยุทธ์เรื่องผลกระทบจากอุบัติเหตุจะทำให้ เกศมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสองเดือน ฤทธิ์เสียใจมากเขาขอเธอแต่งงาน แต่เกศก็ปฏิเสธ ฤทธิ์คิดว่าเกศมีใจให้นภีร์ จึงยอมจะเสียเกศให้นภีร์ เพราะอยากให้เกศมีความสุขกับคนที่เธอรักก่อนที่จะจากโลกนี้ไปในที่สุดเกศก็ จากเขาไปจริง ๆ ฤทธิ์ใจสลาย วิษาณกับนาถมณีตามมาปลอบใจ และชวนฤทธิ์ไปงานฉลองครบรอบแต่งงานของทั้งคู่ เมื่อไปถึงงานฤทธิ์แทบช็อกเพราะมันไม่ใช่งานของวิษาณกับนาถแต่เป็นงานแต่ง งานของเขากับเกศที่เพื่อน ๆ และญาติทุกคนจัดขึ้นด้วยความยินยอมของเกศเพื่อต้องการเซอร์ไพรส์ ฤทธิ์ดีใจ เขาประกาศกลางงานแต่งงานว่า เขาจะหยุดหัวใจไว้ที่เกศ เพราะเขารักเกศมากที่สุดในโลก