ใครผิดใครถูก (2482)
ใครผิดใครถูก (2482/1939) ที่ตำบลตรอกสะพานยาว บางรักเป็นแหล่งอาศัยของ นายมั่ง มั่งกุล และ สิบตำรวจเอกจุ่น เชาว์โปร่ง สองเพื่อนบ้านคู่อริที่มีเรื่องไม่ลงรอยกันนัก กล่าวคือ สิบตำรวจเอกจุ่น เชาว์โปร่ง นิยมการร้องรำทำเพลงเป็นที่น่ารำคาญใจแก่นายมั่ง ซึ่งกำลังกลัดกลุ้มเรื่องหนี้สิน จึงเป็นเหตุให้ทะเลาะวิวาทกันอยู่บ่อยครั้งแต่เหมือนโชคชะตาจะกลั่นแกล้ง ให้ลูกของทั้งสองต้องมารักกัน ขณะที่นายมั่งกำลังครุ่นคิดหาวิธีนำเงินมาจ่ายเถ้าแก่เงี๊ยบ เจ้าหนี้ ก็เผอิญ นายคล่อง หมอความมาขอพบและแจ้งว่านายมั่งได้รับมรดกเป็นเงินสองหมื่นบาทจาก นางสมบูรณ์ โภคาทรัพย์ หรือ นางแม้น มั่งกุล ยายของนายมั่ง เป็นเวลาเดียวกับที่เถ้าแก่เงี๊ยบก็มาทวงหนี้ทั้งต้นและดอกที่บ้านนายมั่ง และเมื่อทราบจากนายคล่องว่านายมั่งเพิ่งเป็นเศรษฐีมรดกก็เกิดความละโมบ ว่าจ้าง นายแหลม ไปปล้นบ้านนายมั่งคืนวันนั้น เจียด ลูกชายสิบตำรวจเอกจุ่นซึ่งรักอยู่กับบุญมี ลูกสาวของนายมั่ง บังเอิญได้ยินเถ้าแก่เงี๊ยบวางแผนปล้นทรัพย์นายมั่ง จึงไปเตือนนายมั่งแต่ถูกไล่ตะเพิดออกมาเสียก่อน เจียดจึงไปขอร้องพ่อให้ช่วยจับกุมนายแหลม สิบตำรวจเอกจุ่นทนนายเจียดรบเร้าไม่ไหวจึงตกปากรับคำ ตกดึก นายแหลมบุกไปบ้านนายมั่งตามกำหนด สิบตำรวจเอกจุ่นและนายเจียดซ่อนตัวอยู่ เมื่อเห็นนายแหลมเข้าบ้านนายมั่งจึงรวบตัวไว้ได้ ขณะนั้นเองนายคล่องวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกนายมั่งว่า เรื่องมรดกเป็นการเข้าใจผิด ที่จริงมรดกนี้ตกเป็นของสิบตำรวจเอกจุ่น สิบตำรวจเอกจุ่นซึ่งไม่เคยนึกโกรธเกลียดนายมั่ง จึงแบ่งมรดกให้นายมั่งครึ่งหนึ่ง นายมั่งซาบซึ้งในน้ำใจสำนึกผิดที่เคยโกรธเกลียดสิบตำรวจเอกจุ่น ทั้งสองครอบครัวจึงปรองดองกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ค่ายบางระจัน (2482)

ค่ายบางระจัน (2482/1939) พ.ศ. 2308 พม่ายกทัพเข้ามารุกรานไทยหลายหมู่บ้าน พล และ แสน สองหนุ่มบ้านวิเศษไชยชาญจึงขี่ม้ามาส่งข่าวกำนันบ้านศรีบัวทอง ถึงแผนการของ ทิดดอก บ้านกลับ และ ทองแก้ว บ้านโพธิ์ทะเล ซึ่งเข้าไปคลุกคลีกับพวกพม่าเพื่อจะปล้นทรัพย์ แผนการสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หากแต่กำนันบ้านศรีบัวทองเสียชีวิตในเหตุการณ์ สร้างความเศร้าสลดต่อชาวบ้านยิ่งนัก เมื่อขาดผู้นำ แท่น ซึ่งมีฝีมือในการรบดี จึงเสนอให้เดินทางไปสมทบที่ค่ายบางระจัน ชาวบ้านศรีบัวทองจึงแต่งตั้งแท่นเป็นแม่ทัพ ขณะนั้น เนเมียวสีหบดี แม่ทัพฝีมือเก่งกล้าฝ่ายพม่า มาตีค่ายบางระจันหลายต่อหลายครั้งก็ไม่สามารถเอาชนะได้ จึงเริ่มร้อนใจกลัวชาวบ้านค่ายบางระจันจะรวมกำลังคนได้มากขึ้น สุกี้ นายกองของพม่า ซึ่งเคยอาศัยอยู่เมืองไทยมานานอาสาเป็นผู้คุมทัพมาตีค่ายบางระจัน แท่นยังบาดเจ็บสาหัสจากการรบครั้งก่อน นายจัน หนวดเขี้ยว ขุนสรรค์ พันเรือง และคนอื่นๆ หารือตกลงกันว่าจะให้พลขี่ม้าไปขอปืนใหญ่จากกรุงศรีอยุธยาแต่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วย มีเพียงพระยารัตนาฯ ที่เห็นใจชาวบ้านบางระจัน จึงตามพลมาช่วยสอนวิธีการหล่อปืนใหญ่แต่ไม่สำเร็จ สุกี้ยกทัพโจมตีค่ายบางระจันและสามารถทำลายประตูค่ายได้ ชาวบ้านทั้งชายและหญิงพร้อมใจกันเข้าต่อสู้ แต่หมดกำลังจะต้านทานจึงพ่ายแพ้พม่าไปในที่สุด

ลูกกำพร้า ภาค 2 (2482)
ลูกกำพร้า ภาค 2 (2482/1939) "ลูกกำพร้า" ของ ป. อินทรปาลิต ภาค 2 สร้างเสร็จแล้ว ฉายพร้อมกับ "นางนาคพระโขนง ตอนใหม่" ที่เฉลิมบุรี ท่านดูภาค ๑ แล้วต้องดูภาค ๒ ให้ได้
สามหัวใจ (2482)
ขุนช้างขุนแผน ภาคพิเศษ ตอน เปรตวันทองห้ามทัพ (2482)
ขุนช้างขุนแผน (2482/1939) ท่านที่สนใจในทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ หาความรู้ประดับประดาจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ดูวิธีไสยศาสตร์ การใช้เวทย์มนต์อาถรรย์ของสมัยยุคนั้นอย่างแปลกประหลาดมหัศจรรย์ใจ ดูการรบของสามพ่อลูกที่ต่างคนต่างมีฤทธิมีเดช ใช้ของวิเศษเข้าประหัศประหารกัน ดูความรักของแม่ที่มีต่อลูก ความรักของแม่นั้นย่อมมีอยู่แก่ลูกเพียงไรแม้จนกระทั่งสิ้นชีวิตไปแล้ว ดูความรักของหนุ่มจ้าวมหาเสน่ห์ชั้นบรมครู ซึ่งพอถูกเสน่ห์ของหญิงเข้าบ้าง เล่นเอาลุ่มหลงงงงวยจนไม่รู้สึกผิดชอบ ถึงกับเกิดเรื่องร้ายใหญ่โตขึ้น เชิญมานั่งหัวเราะกันให้ท้องคัดท้องแข็ง ในตอนขบขันของคนที่ไม่ ชอบเล่นกับผี แต่ว่าผีชอบมาเล่นกับคน เชิญนั่งเบียดกัน จนตัวลีบ ดูเปรตวันทองแผลงเดชอย่างน่ากลัว เชิญท่าน ที่ไม่เคยเห็นเปรต ขอให้ท่านมาทำความรู้จักกับเปรตไว้เสีย เชิญมานั่งขำๆ ดูพระไวยเกี้ยวแม่ อย่างจวนๆหวิดๆ จะเข้าด้ายเข้าเข็มนั้นทีเดียว (ที่มา: นิตยสารประมวลภาพยนตร์ กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2482)
Placeholder
ปิดทองหลังพระ (2482)
ปิดทองหลังพระ (2482/1939) เจ้าคุณอินทรภักดี ก่อตั้งบริษัทหาของเก่า ชื่อ บริษัทเสาะหาทรัพย์ ไม่จำกัด เป็นงานอดิเรกหลังเกษียณราชการ โดยมีลูกจ้างในบริษัทคือ ไพรัช หลานชายของมนูญ และ ยม ยมนั้นไม่ค่อยลงรอยกับไพรัชด้วยว่าหมายปอง วัฒนา ซึ่งชอบพออยู่กับไพรัช จึงหลอกไพรัชไปเล่นไพ่และโกงไพ่ทำให้ไพรัชเป็นหนี้ยม เพราะรู้ดีว่าบริษัทมีกฎห้ามพนักงานเป็นหนี้ แต่ความจริงแล้ว ยมเป็นหนี้ ฮั่วหยง เจ้าของภัตตาคาร ฮั่วหยงเองใช่ว่าจะเป็นคนมีทรัพย์ ตนเองนั้นก็เป็นหนี้ มะริด เจ้าของสวนมะริดรมณีย์ เมียลับของ อาจารย์สุก หมอดู ซึ่งต้องปิดบังความจริงเพื่อให้เป็นที่น่าเคารพนับถือของชาวบ้าน ยมขู่ให้ไพรัชใช้หนี้แทนตน วัฒนาแอบได้ยินจึงเสนอตัวใช้หนี้แทนไพรัชด้วยการเป็นนางบำเรอของสวนมะริดรมณีย์ หลังจากนั้น ไพรัชกับยมได้รับมอบหมายให้ไปแสวงหาของเก่าในป่าทางภาคเหนือ เป็นเวลาเดียวกับที่รัฐบาลออกกฎหมายจับกุมนักต้มตุ๋นซึ่งปลอมตัวเป็นหมอดูอาจารย์สุกจึงหลบหนีไปกบดานในป่าทางภาคเหนือเช่นกัน ไพรัชออกไปหาของเก่าในป่า เผอิญพบอาจารย์สุกอาจารย์สุกตกใจรีบวิ่งหนีก็บังเอิญไปเตะแผ่นหินเข้า ทั้งสองจึงนำแผ่นหินกลับมายังที่พัก เมื่อได้คุยกับไพรัชและยมอาจารย์สุกจึงได้รู้ว่านโยบายจับกุมหมอดูเป็นเรื่องเท็จ จึงลากลับกรุงเทพฯ ยมออกอุบายให้ไพรัชออกไปเสาะหาของเก่าต่อทั้งๆ ที่ไพรัชป่วยจากพิษไข้ป่า เป็นเหตุให้ไพรัชพลัดตกจากหลังม้าและหายสาบสูญไป ยมหัวไวจึงหนีกลับกรุงเทพฯ แอบอ้างว่าตนเป็นผู้พบแผ่นหินศิลาจารึก มิหนำซ้ำยังใส่ความไพรัชว่าหนีงาน และฉวยโอกาสสู่ขอมยุรี แต่มยุรีรู้ว่ายมเป็นคนชั่วร้าย จึงไม่อยากแต่งงานด้วย ในวันนั้นเอง ไพรัชเดินทางกลับจากภาคเหนือมาพบมนูญตามที่นัดหมาย และเพิ่งได้รู้ว่า บัดนี้วัฒนาตกเป็นนางบำเรอของยมแล้ว ยมยื่นข้อเสนอว่าจะปล่อยวัฒนาก็ได้แต่ไพรัชต้องยอมรับว่าขัดคำสั่งและหนีงาน และบังคับให้พูดว่าผู้ที่ค้นพบศิลาจารึกคือนายยม ไพรัชจำใจยอมรับข้อเสนอ ครั้นถึงกำหนดวันที่เจ้าคุณนัดยมมาฟังเรื่องที่ขอมยุรีแต่งงานมนูญได้พาตัวอาจารย์สุกมาเป็นพยานว่ายมเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ยมจำนนต่อหลักฐาน มยุรีจึงช่วยจัดการให้ไพรัชและวัฒนาเข้าใจกันได้ในที่สุด

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ