ดอกโศก ละครชุดปากกาทอง (2538)

ดอกโศก (2538/1995) พลเอกสุดเขต รัตนชาติพัลลภ พบว่าเด็กหญิงขายหนังสือพิมพ์ ณ สี่แยกแห่งหนึ่งที่มาเป็นลม ล้มอยู่ข้างรถ คือหลานที่เกิดจากลูกสาวของ สมใจ เมียคนใช้ของตนที่หนีออกจากบ้านไปเมื่อกว่า 30 ปีมาแล้ว สุดเขตจะเอาหลานมาเลี้ยง แต่สมใจไม่ยอม ท่านจึงให้ เพ็ญพักตร์ ( ลูกสาวคนโตไปซื้อตัว ดอกโศก จากสามีใหม่ผู้เห็นแก่เงินของสมใจ สุดเขต เปลี่ยนชื่อหลานสาวจาก ดอกโศก เป็น อภิริมย์ฤดี การมาอยู่ในตึกใหม่ของสกุลเก่าแก่ไม่ทำให้ ดอกโศก สุขสบาย ทั้งบ้านมีแต่คนเกลียดชังเธอ นับตั้งแต่เพ็ญพักตร์และ เพ็ญตระการ ลูกสาว และสุดสวย ลูกสาวคนเล็กของคุณตา ช่วงแรก ดอกโศก ไม่ยอมและตอบโต้ด้วยวิธีการของเด็กที่เติบโตมาอย่างตีนถีบปากกัด หลายปีผ่านไป ดอกโศก โตขึ้นพร้อมกับความตระหนักว่าต้องอดทน สงบเสงี่ยมเจียมตนและต้องเอาความดีชนะความโกรธเกลียดทั้งปวง เธอจึงอยู่ได้อย่างมีความสุข เมื่อตอน ดอกโศก ยังขายหนังสือพิมพ์ที่สี่แยก เด็กหญิงได้พบ อัศนัย ชายหนุ่มใจดีที่ซื้อหนังสือพิมพ์เป็นประจำ อัศนัยรู้สึกผูกพันกับ ดอกโศก อย่างประหลาด และบังเอิญเหลือเกินที่อัศนัยเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ ตระกูล สามีของเพ็ญพักตร์ เขาจึงมีโอกาสติดตามชีวิตของ ดอกโศก ด้วยความเมตตาจริงใจ คอยปลอบโยนให้กำลังใจและช่วยเหลือ ดอกโศก จนโตเป็นสาวรุ่น ดอกโศก จึงบูชาอัศนัย ความผูกพันซึ่งกันและกันถูกถักทอจนกลายเป็นความรักอย่างลึกซึ้ง แต่ความรักนี้ต้องซ่อนเร้นเพราะเพ็ญตระการก็หลงรักอัศนัยอยู่เช่นกัน วันหนึ่งอัศนัยพบ ปรียากมล แม่ม่ายสาวสวยที่หวนกลับมาเพื่อรื้อฟื้นความรักความหลังที่มีต่อกันเมื่อ ครั้งยังเป็นวัยรุ่น ปรียากมลรุกอัศนัยตลอดเวลาด้วยชั้นเชิงของผู้หญิงที่เจนจัดในสนามรัก จนอัศนัยเกือบจะเผลอกายไปหลายครั้ง และเธอยังทราบอีกว่าบัดนี้มีผู้หญิงที่เป็นศัตรูหัวใจถึงสองคน คือ ดอกโศก และเพ็ญตระการ เธอจึงตั้งใจว่าจะสู้จนสุดชีวิต เพื่อไม่ให้สูญเสียอัศนัยไป เมื่อสุดเขตเกิดเสียชีวิตกะทันหัน ดอกโศก ตัดสินใจกลับมาอยู่กับยาย และทำงานเป็นไกด์นำเที่ยว ทำให้เธอได้พบกับ มิสซิสเบนส์ ทันทีที่เห็นสร้อยกางเขนที่ ดอกโศก สวม มิสซิสเบนส์ก็รู้ว่านี่คือหลานสาวที่เกิดจากลูกชายของตนที่ตายไป เธอจึงพา ดอกโศก ไปอยู่อเมริกา เพราะต้องการให้หลานสาวหลุดพ้นจากการรุกรานของปรียากมล และเพ็ญตระการ มิสซิสเบนส์ชักนำ เอ็ดดี้ หนุ่มน้อยชาวอเมริกันให้ ดอกโศก แต่ ดอกโศก ไม่มีใจให้ใครอีก คุณย่าจึงพาดอกโศกกลับเมืองไทยเพื่อพิสูจน์ความรักของอัศนัยอีกครั้ง ดอกโศก ไปทำงานที่โรงแรมของ ภักดิ์ภูมิ ชายหนุ่มที่หลงรัก ดอกโศก เมื่อแรกพบ แม้ว่าเขาเองจะมี ฉัตรทอง ลูกสาวเพื่อนพ่อที่เป็นคู่หมายกันอยู่ ความรักหลายเส้าดำเนินไปอย่างเข้มข้น เพ็ญพักตร์ผลักดันลูกสาวให้อัศนัยอย่างเต็มที่ ปรียากมลเองก็ใช้ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับอัศนัยเป็นเครื่องผูกมัด แต่อัศนัยไม่ยอมและยังแสดงออกทุกอย่างว่า ดอกโศก เท่านั้นที่เป็นตัวจริง โชคเข้าข้างเพ็ญพักตร์เมื่อรู้ว่าปรียากมลนั้นแท้จริงคือแม่แท้ ๆ ของ ดอกโศก เพ็ญพักตร์จึงหวังจะใช้ความลับนี้เป็นเครื่องมือกำจัดสองแม่ลูกไปให้พ้นทาง แต่การณ์กลับผิดคาด เพราะแทนที่ปรียากมลจะหยุด กลับยิ่งทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ ดอกโศก ให้ได้ สงครามความรักระหว่างแม่กับลูกสาวในไส้จะลงเอยเช่นไร อัศนัยกับ ดอกโศก จะสมหวังในรักหรือไม่

Placeholder

หกตกไม่แตก (2538/1995) แก๊งค์หกตกไม่แตก ประกอบด้วย นัท พอล เจต กัน เป็ด วิทย์ เป็นเด็กวัยรุ่นต่างจังหวัดย้ายมาอยู่กรุงเทพ เพราะสอบเอ็นท์ทรานซ์ติดที่กรุงเทพ โดยอาศัยอยู่ในบ้านของน้าเดชน้ายา น้าเดชมักจะเป็นคู่ปรับของ 6 หนุ่มประจำ แต่น้ายามักจะเข้าข้างเด็กๆ เสมอ และเกิดเรื่องราวต่างๆมากมายในบ้านหลังนี้ หกตกไม่แตก เป็นละครซิตคอม ทางช่อง 7ที่ออกอากาศตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2538 จนถึง 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 สร้างโดยค่าย เอ็กแซ็กท์ เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ของวงการซิตคอมไทย ที่นำวงยูเอชที มาเล่นละครเรื่องนี้ ซึ่งในแต่ละตอนเพลงไตเติลจบมักจะมีรูปแบบไม่ซ้ำกัน ถือว่าเป็นมิติใหม่แห่งวงการซิตคอมไทย

Placeholder

แหวนทองเหลือง (2538/1995) กฤษฎา ดำรงค์พร กับญาติๆ เดินทางไปเที่ยวดอยติ โดยมีกำนันพ่อของ ดวงใจ คุ้มเกิด เป็นคนต้อนรับขับสู้ และแล้วความรักของกฤษฎากับดวงใจก็เกิดขึ้นที่ดอยติถึงขั้นได้เสียกัน โดยกฤษฎาสัญญาว่ จะไปขอดวงใจกับพ่อกำนัน แต่ว่าพอวันรุ่งขึ้นกฤษฎาก็ได้รับโทรเลขด่วนให้เดินทางกลับกรุงเทพฯ จึงไม่ได้พูดจากเรื่องแต่งงานกันกับพ่อกำนัน แต่กฤษฎาได้มอบล๊อตเก็ตต้นตระกูลให้ดวงใจไว้เป็นประกันความรัก ส่วนดวงใจนั้นก็มีเพียง แหวนทองเหลือง ไร้ราคามอบให้กฤษฎาสวมไว้ โดยกฤษฎาบอกว่า หากเห็นแหวนทองเหลืองที่นิ้ว ก็หมายว่าหัวใจเขามีดวงใจเพียงคน ต่อมาพ่อกำนันรู้เรื่องว่าดวงใจท้องกับกฤษฎาก็โกรธแต่ก็ไม่อาจจะไปสู้หน้าท่านเจ้าคุณ พ่อของกฤษฎาผู้มีพระคุณไม่จึงจับดวงใจขังไว้ในบ้านและจะให้แต่งงานกับผู้มีอันจะกินของหมู่บ้านแทน พอถึงวันแต่งงาน ดวงใจซึ่งถูกมัดล่ามโซ่ไว้ ก็เชือดส้นเท้าตัวเองรูดโซ่ออก กระโดดหน้าต่างหนีไปเพราะรักมั่นในกฤษฎาคนเดียวเท่านั้นระหว่างทางก็แลกชุดแต่งงานกับชุดของชาวบ้านที่กำลังท้องและเพราะไม่มีเงินติดตัวมาเลยก็เลยเดินทางตามทางรถไฟมุ่งหน้าจะไปหากฤษฎาคนรักที่กรุงเทพฯ ระหว่างเดินทางนั้น ดวงใจก็เป็นลมหมดสติ ก็มีนายแพทย์รถไฟเขต ที่นั่งรถโยกมาตรวจสุขภาพเจ้าพนักงานกรมรถไฟที่ชื่อ เมตตา มาพบเข้าและพาไปทำคลอด ออกลูกเป็นผู้หญิงและเมื่อรู้ว่า ดวงใจจะไปตามหากฤษฎาที่กรุงเทพฯ ก็เลยอาสาพาไปด้วย ดวงใจมาพักอาศัยกับนายแพทย์เมตตาซึ่งขณะนั้นกรุงเทพฯ ก็กำลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดี ดวงใจตามหากฤษฎานานถึง 3 ปี แต่ก็ไม่พบตัว กระทั่งทราบจากคนรับใช้เก่าแก่ว่า พอกฤษฎากลับมาถึงกรุงเทพฯ ท่านเจ้าคุณพ่อก็สิ้นใจและทิ้งหนี้สินไว้มากมายจนถึงขั้นฟ้องล้มละลาย ส่วนกฤษฎาก็หายสาบสูญไป ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน เมื่อดวงใจรู้ความจริง ก็เสียใจและกลับไปบอกนายแพทย์เมตตา นายแพทย์ซึ่งแอบรักแอบสงสารดวงใจอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยเอ่ยปาก ขอแต่งงานกับดวงใจเอง แต่ดวงใจก็ปฏิเสธเพราะรักยังมั่นในตัวกฤษฎาคนเดียวเช่นเดิมจึงพาลูกน้อยหลบหนีจากไปและไปเป็นขอทานหาเลี้ยงลูกน้อย กระทั่งแม่เล้ามาพบก็ชักชวนให้ไปเป็นหญิงโสเภณี แต่ดวงใจก็ไม่ยอม แม้เล้าจึงพวกมารุมข่มขืน ดวงใจเมื่อไม่อาจรักษาความบริสุทธิ์ไว้รอกฤษฎาคนเดียวได้ จึงจำยอมต้องเป็นหญิงโสเภณีโดยนำลูกสาวกลับไปฝากนายแพทย์เมตตาให้เลี้ยงดูแทน ต่อมาซ่องโสเภณีถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดตายหมด คงเหลือแต่ดวงใจจึงถูกนายทหารญี่ปุ่นนำไปเลี้ยงดูเป็นเมียเช่า แต่เมื่อสงครามโลกสิ้นสุดลง นายทหารญี่ปุ่นก็ต้องเดินทางกลับและเกิดเรืออับปาง ทำให้ดวงใจไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านจนต้องยกเฟอร์นิเจอร์ในบ้านใช้หนี้ทำให้ค้นพบว่าในห้องใต้ถุนมีทองคำจำนวนมากที่นายทหารญี่ปุ่นยักยอกเอาไว้ ดวงใจจึงกลายเป็นเศรษฐีนีใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็น หทัยทิพย์ เกิดนพคุณ โดยได้อุปโลกน์หญิงรับใช้คือ เสาวรศ ที่กอดคอดูแลกันมาเป็นพี่สาวและเปิดบริษัทใหญ่โต ช่วงที่ดวงใจเป็นเศรษฐีนี้เอง สิ่งที่ดวงใจตามหามาตลอดชีวิตก็ปรากฏขึ้น ขณะที่เธอนั่งรถเก๋งคันโตมาทำงาน เผอิญรถไปเชี่ยวชนกับชายคนหนึ่งล้มลง เมื่อคนรถลงไปดู ชายคนนั้นก็รีบบอกว่าไม่เป็นอะไร แล้วจะหันไปขอโทษเจ้าของรถที่ตัวเองเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ดวงใจถึงกับตะลึงเพราะชายคนคือ กฤษฎา คนที่เธอรักและตามหานั่นเอง เธออุทานเบาๆ คุณกฤษฎา สีหน้า แววตา ดูอิ่มเอิบเปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อมองไปเห็นแหวนทองเหลืองของเธอยังคงสวมอยู่ที่นิ้วมือของกฤษฎา แต่กฤษฎานั่นเล่ากลับจดจำเธอไม่ได้เลย เธอไปถึงที่ทำงาน ก็รีบไปบอกเรื่องนี้ให้เสาวรศฟัง และจะหาทางมาพบกฤษฎาให้ได้เพื่อถามหาความจริง กฤษฎาถูกเชิญให้มาทำงานที่บริษัทของดวงใจ และเมื่อมีโอกาสอยู่ตามลำพัง ดวงใจก็พยายามเลียบเคียงถามถึงเรื่องคนรักของกฤษฎา กฤษฎาก็เล่าบอกแบบไม่ปิดบัง เขาบอกว่าความจริงว่า เขาเคยมีภรรยาแล้วชื่อ ดวงใจ เป็นสาวงามแห่งดอยติ รักเรากันมาก แต่ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็เพราะเขาไปเป็นเสรีไทยต่อต้านญี่ปุ่นแล้วถูกจับ กระทั่งพ้นโทษออกมา จึงไปตามหาดวงใจที่ดอยติ ก็ทราบความจริงจากพ่อกำนันว่า ดวงใจตายแล้ว เขาก็เลยเดินทางกลับกรุงเทพฯ แล้วมาถูกรถเชี่ยวชน

ขุนศึก (2538/1995) หนึ่ง... จากลูกช่าง ตีดาบสู่ขุนศึกพิทักษ์องค์มหาราชา หนึ่ง... นักรบอหังการผู้เกรียงไกรแห่งหน่วยทะลวงฟัน ... วันหมอกหนาพรางตา ของป่าเมืองแครงตกเข้าเดือน ๖ ปีวอก พุทธศักราช ๒๑๒๗ ก่อนวันประกาศอิสรภาพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระเจ้าบุเรงนองวางอุบายหมายลอบปลงพระชนม์ ซึ่งยังความโทมนัสให้แก่สมเด็จพระนเรศวรอย่างมากเมื่อจาตุรงคบาทนักรบประกบฝีเท้าช้างคนหนึ่งต้องพลีชีพเพื่อพระองค์ในกาลนี้ แผ่นดินกรุงศรีหลังประกาศอิสรภาพจึงพร้อมประจัญกับทัพหงสาวดีทุกเมื่อ เสมา ลูกชายช่างตีดาบ ซึ่งเดินทางกลับจากเรียนวิชาดาบกับอาจารย์ ขุนผู้หวังเพียงไถ่หนี้จำนองบ้าน โดยการตีดาบขาย แต่ด้วยหนทางที่เลี่ยงไม่ได้จึงต้องเข้าประลองแข่งขันในการหาจาตุรงคบาทคนใหม่ความที่มีฝีมือดาบอันโดดเด่น จนได้รับตำแหน่งครูฝึกทหารในเรือน ขุนราม แต่นั่นถือเป็นการหยามศักดิ์ศรีของ หมู่ขันหัว หมู่ทะลวงฟันนายทหารเอกของกรุงศรีผู้ถือในศักดิ์และฝีมือของตนซี่งทำหน้าที่ นี้มาก่อน แต่ติดที่ต้องไปประจำการที่ด่านหน้าจึงเหลือไว้เพียงความไม่พอใจในตัวลูก ช่างตีดาบคนนี้รอวันที่จะได้ตัดสินกันอย่างแท้จริง อีกทางหนึ่ง เรไรหญิง งามลูกสาวของขุนรามและคู่หมั้นหมายของ หมู่ขันซึ่งเป็นการหมั้นโดยบิดา มิได้เกิดจากการต้องการของ เรไรเลยกระทั่งได้พบชายหนุ่มผู้มีหัวใจนักรบอย่างเสมาเข้าด้วยเกียรติที่ถูก หยามจึงจับ จำเรียงน้องสาวของเสมา ไปขัดคอก ในคืนนั้นเอง เสมา และเพื่อน คือ สิน กับ สมบุญบุกเรือนหมู่ขัน เพื่อชิงตัวจำเรียง แต่ก็เพลี่ยงพล้ำต่ออุบายของหมู่ขันทำให้สมบุญถูกจับ เสมากับสินต้องหนีไปเข้ากองโจรของ ขุนรณฤทธิ์พิชัย พร้อมกับหมู่ขันที่ประกาศว่าเสมาเป็นกบฎ ขณะที่อยู่กับพวกกองโจรเสมา และกลุ่มกองโจรช่วยกันสกัดทัพหน้าของพม่าที่บุกเข้ามา ครั้งหนึ่งเสมาได้มีโอกาสได้เข้าช่วยพระเอกาทศรถใน การศึก และได้ลดโทษไปเป็นตะพุ่นเลี้ยงช้างที่ซึ่งเสมาได้เรียนรู้ถึงหัวใจของนักรบ จนกระทั่งได้ทราบข่าวการยกทัพมาครั้งใหญ่ของพม่าจึงรุดเข้าสนามรบและได้ ตัดสินใจเข้ารบเมื่อทนเห็นทหารไทยถูกเข่นฆ่าอีกไม่ได้ กระทั่งสามารถฆ่าแม่ทัพพม่าลงได้มีความดีความชอบกลับมาและได้เข้าประลองกับ หมู่ขันที่หน้าพระที่นั่งการประลองซึ่งเป็นการบรรจบกันของหนทางที่แตกต่าง แห่งนักรบทั้งสองซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวที่คู่ควรกับตำแหน่งจาตุรงคบาทนักรบ ประกบฝีเท้าช้างของสมเด็จพระนเรศวรในการศึกยุทธหัตถีครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่างกษัตริย์สองแผ่นดิน

พฤกษาสวาท (2538/1995) เป็นเรื่องราวของประจิม หนุ่มใหญ่บุคลิกเชยๆ ใส่แว่นหนาเตอะแต่ชอบสาวเปรี้ยว ถึงแม้ว่า "สตี" ญาติห่างๆ ที่คุณนายอรรถ แม่ของประจิม รับเลี้ยงและส่งเสียให้เรียนแอบหลงรักเขาแต่เขาก็ไม่สนใจ เมื่อถูกบอกสาวสเป็คเลิกครั้งสุดท้ายจึงผิดหวังกลับไปกินเหล้าเมา ทำให้คุณนายอรรถ และ ประภัสสร พี่สาวแท้ๆ รู้สึกเป็นห่วงและเดือดร้อนตามไปด้วย ต่อมา เอิบ เพื่อนสนิทของประจิมที่อยู่ลำพูนได้ เสียชีวิต จึงได้ฝากเขาให้ ช่วยดูแล อรอินทรา หรือ อ่อน ลูกสาวคนเดียวให้ด้วย เขาจึงได้รับ เธอมาอยู่ด้วยในฐานะหลานสาว ทำให้คุณนายอรรถ ประภัสสรและลูกชายที่ชื่อ วิกสิต ไม่พอใจ ยกเว้นสตีซึ่งดีกับอ่อน ภายหลังประจิมไปเปลี่ยนบุคลิกตนเองให้ทันสมัยขึ้นเพราะเขาหลงรัก อ่อน วิกสิตหลานเขาก็ได้หลงรักเธอด้วย ซึ่งเธอก็รักวิกสิตเช่นกัน แต่ประจิมต้องการแต่งงานกับอ่อนจึงกีดกันและไม่ให้อ่อนไปเรียนอีก ทำให้แม่และพี่สาวของเขาไม่ชอบใจและทัดทานไม่ยอมให้แต่งงาน วิกสิตจึงพาอ่อนหนีออกจากบ้าน ประจิมรู้สึกคลั่งจึงออกตามหาจนพบเธออยู่กับวิกสิตที่ชะอำจึงโกรธและปลุกปล้ำอ่อนจนตกเป็นของเขา ชายทั้งสองต่อยกันและอ่อนถูกประณามว่าเป็นผู้หญิงสองใจ พอกลับมาประจิมจึงออกไปดื่มเหล้าและคบหา นันทวัน เพื่อประชดอ่อน แต่เธอก็ไม่สนใจ ต่อมาอ่อนตั้งครรภ์ทำให้ประจิมคิดว่าเป็นลูกของวิกสิต แต่วิกสิตบอกว่าประจิมเป็นพ่อ ประจิมไม่เชื่อทำให้อ่อนเสียใจหนีกลับไปอยู่ลำพูน ภายหลังวิกสิตไปเล่นดนตรีที่เชียงใหม่ในช่วงปิดเทอม และพบ อ่อนที่นั่น จึงโทรบอกประจิมให้มารับอ่อน ประจิมดีใจมากรีบขับรถไปรับจนพลิกคว่ำได้รับบาดเจ็บสาหัส อ่อนจึงยอมกลับกรุงเทพฯ ไปดูแลเขาและลงเอยกัน ส่วนวิกสิตเรียนจบและยอมหลีกทางให้

Placeholder